ป้ายกำกับ

เรื่องจริงผ่านจอ ล้างป่าช้า

วิดีโอถ่ายติด ผีด้วย ที่นครนายก

วิญญาณร้องไห้

"ณิษา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรูปถ่ายเก็บตก

สาวใช้วัยสิบเก้าของดิฉันชื่อ หนิง เป็นสาวร้อยเอ็ดตัวเตี้ยเล็ก หน้าแก่เกินอายุ แต่อารมณ์ขันน่ารักเป็นนักหนา คุยเก่ง ร่าเริงแจ่มใส ทว่าตั้งแต่ไปเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเธอก็เปลี่ยนไป...

เปลี่ยนอย่างน่าขนหัวลุกทีเดียวค่ะ!

หนิงขอลากลับไปเยี่ยมแม่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และกลับมาในวันที่ 10 ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยมาก แต่ก็อุตส่าห์เอากระเป๋ามารื้อเพื่อหยิบของฝากให้ดิฉัน...แหม! เห็นแล้วถูกใจจริงๆ ของฝากนั้นเป็นผ้าที่แม่ของหนิงทอมากับมือ

ขณะที่หนิงดึงผ้าออกจากกระเป๋า ก็มีรูปถ่ายใบหนึ่งร่วงลงมาด้วย ดิฉันก้มลงเก็บรูปนั้น มันเป็นรูปขาวดำขนาด 2 คูณ 2 นิ้ว แบบที่คนสมัยก่อนใช้ติดบัตรสมัครเรียน หรือสมัครงาน รูปนั้นไม่ใช่หนิง แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ใบหน้ากลม ตาโต ดำมาก ปากอิ่มหนา น่ารัก อายุคงไม่เกิน 15-16 ผมยาวตรง หวีแสกข้างติดกิ๊บ

น้ำตกตาดสูง กาฬสินธุ์


"หนูแนน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่น้ำตกตาดสูง กาฬสินธุ์

หนูเป็นเด็กกาฬสินธุ์ ลางคนเรียกว่า "เมืองน้ำดำ" แต่น้ำใจคนเมืองนี้ไม่ดำนะคะ ตรงกันข้าม กลับใสสะอาด ยินดีต้อนรับคนต่างถิ่นด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสและจริงใจทุกคนเลยค่ะ

คุณครูหนูเล่าว่า เมืองกาฬสินธุ์ในอดีตเคยเป็นดินแดนของชนเผ่าละว้ามาเมื่อหลายร้อยปีแล้ว มีทั้งโบราณสถานและวัตถุโบราณมากมาย ชาวบ้านก็ขุดพบกันบ่อยๆ อีกด้วย

"เมืองฟ้าแดดสงยาง" ที่ อ.กมลาไสย มีซากเมืองเก่าสมัยทวาราวดีที่มีอายุเนิ่นนานนับพันปี ไล่ๆ กับนครวัดนครธมในเขมรนั่นแหละค่ะ "พระธาตุยาคู" ก็เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดี รวมทั้งใบเสมาหินทรายในวัดโพธิ์ชัยที่เก่าแก่พอๆ กันค่ะ

ผีพี่ชายกลับบ้าน

ดิฉันมีกันอยู่สองคนพี่น้อง ดิฉันมีพี่ชายหนึ่งคน แต่พี่ชายของดิฉันเป็นคนตาบอด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ผ่านมาถึง 5 ปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อดิฉันคิดถึงเรื่องนี้ก็อดเสียใจไม่ได้ เพราะเราอยู่กันมาสี่คน พ่อ แม่ ลูก ตั้งหลายปี พี่ชายก็มาเสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถชน

ถึงพี่ชายของดิฉันจะตาบอด ก็สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างดี ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากให้ทำ เขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใครเลย พ่อแม่และดิฉันจึงรักพี่ชายคนนี้มาก และเสียใจมากเช่นกันที่เสียพี่ชายคนนี้ไป

ในคืนแรกที่พี่ชายเสียชีวิต ก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น คือก่อนที่พระจะขึ้นสวดพระอภิธรรม ไฟฟ้าเกิดดับอย่างกะทันหันทั้งศาลา ยกเว้นไฟที่แต่งโลงศพของพี่ชาย แต่พอพ่อไปเคาะโลงบอก ไฟก็ติดขึ้นมาเอง ผู้คนที่มาฟังสวดต่างก็แปลกใจไปตามๆกัน แต่แทบจะไม่มีใครเกิดความหวาดกลัว เพราะพี่ชายของดิฉันเป็นคนดีที่ทุกคนรักและเอ็นดูทั้งตำบล คืนต่อมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลยจนถึงวันเผาศพ งานก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

ผลกรรมการทำแท้ง โดยแม่ชีทศพร บุญเทวาพิทักษ์

การทำแท้ง ถือเป็นกรรมในหมวดข้อการเบียดเบียนชีวิตหรือปาณาติบาต ผู้ที่กรรมนี้จะหากินไม่ขึ้น หาความสุขใจในชีวิตนี้ไม่ได้เลย เพราะโดนวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของตัวเองนั้นจองเวรอาฆาต ซึ่งการเกิดการตายของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณและวิบากกรรม โดยตรง

ผลกรรมอันเกิดจากการทำแท้งมี 2 ข้อคือ 1. กรรมที่ทิ้งลูกตัวเอง 2. กรรมในการฆ่าทำลายชีวิต ซึ่งอกุศลกรรมนี้พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ชัดเจนว่าผู้ที่ทำแท้งเมื่อสิ้นใจยัง ต้องตกนรก พ้นจากนรกจึงเกิดมาเป็นเปรต จากนั้นจะเป็นอสุรกาย ตนเมื่อมีบุญพอจะเกิดเป็นคนแต่ต้องถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแต่เล็กหรือโโนพ่อแม่ของ ตนในชาติต่อไปทำแท้งตัวเองเสียหรือแท้งลูกโดยอุบัติเหตุ

ส่วนกรรม จากการปาณาติบาลหรือทำลายชีวิตลูกของตัวเองนั้นจะทำให้มีอายุสั้น มีโรคภัยเบียดเบียนมาก หากินไม่ขึ้นและกรรมจากการทำแท้งมักจะก่อผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้น เสียชีวิตได้ แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องการการทำแท้งยังต้องมีอกุศลกรรมติดตัวตามไปด้วยเช่นกัน

วิญญาณร้องไห้

"ณิษา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรูปถ่ายเก็บตก

สาวใช้วัยสิบเก้าของดิฉันชื่อ หนิง เป็นสาวร้อยเอ็ดตัวเตี้ยเล็ก หน้าแก่เกินอายุ แต่อารมณ์ขันน่ารักเป็นนักหนา คุยเก่ง ร่าเริงแจ่มใส ทว่าตั้งแต่ไปเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเธอก็เปลี่ยนไป...
เปลี่ยนอย่างน่าขนหัวลุกทีเดียวค่ะ!

หนิงขอลากลับไปเยี่ยมแม่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และกลับมาในวันที่ 10 ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยมาก แต่ก็อุตส่าห์เอากระเป๋ามารื้อเพื่อหยิบของฝากให้ดิฉัน...แหม! เห็นแล้วถูกใจจริงๆ ของฝากนั้นเป็นผ้าที่แม่ของหนิงทอมากับมือ ขณะที่หนิงดึงผ้าออกจากกระเป๋า ก็มีรูปถ่ายใบหนึ่งร่วงลงมาด้วย ดิฉันก้มลงเก็บรูปนั้น มันเป็นรูปขาวดำขนาด 2 คูณ 2 นิ้ว แบบที่คนสมัยก่อนใช้ติดบัตรสมัครเรียน หรือสมัครงาน รูปนั้นไม่ใช่หนิง แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ใบหน้ากลม ตาโต ดำมาก ปากอิ่มหนา น่ารัก อายุคงไม่เกิน 15-16 ผมยาวตรง หวีแสกข้างติดกิ๊บ

อิทธิฤทธิ์กุมารทอง

"หยอง"เล่าเรื่องสยองขวัญจากกรุงเทพฯ

ตอนม.3 เพื่อนผมเอากุมารทองมาที่โรงเรียนครับ มันเอาวางไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่าใครจะเอาก็เอาไป พอเพื่อนๆ ในห้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น? มันก็บอกว่ากุมารทองตัวนี้แรงมาก! มันโดนอำทุกคืน แถมยังมาให้เห็นอีก ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย

ปรากฏว่าไม่มีใครกล้าเอากุมารทองมันไปรับช่วงเลี้ยงต่อเลยสักคน บางคนด่ามันซ้ำอีกทำนองว่าเอาผีมาให้เพื่อนทำไมไอ้เวร

ส่วมผมน่ะเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีอยู่แล้ว ไม่กลัวด้วย มองไปที่รูปปั้นกุมารทองมันก็ดูสวยดี เป็นหุ่นรูปเด็กผู้ชายไว้ผมจุกผิวขาวหน้าตาน่ารัก เอามือเท้าเอวนุ่งโจงกระเบนสีทอง เครื่องประดับทองเหลืองอร่ามเต็มตัวเลย ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน

ผมเลยเป็นคนเอากุมารทองไปเลี้ยงต่อเอง ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆ ในห้อง ส่วนเจ้าของเก่าก็ยิ้มร่าเลยครับ ท่าทางเหมือนมันโล่งอกสุดๆ

วันนั้นกลับบ้านก็เอากุมารทองตั้งไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือปลายเตียง ไม่ได้ไหว้ ไม่ได้ให้น้ำดงน้ำแดงหรือของถวายอะไรเลย คือตอนนั้นผมกะตั้งไว้สวยๆ ครับ กะจะเอามาเล่นสู้กับตุ๊กตาสัตว์ประหลาดด้วยซ้ำไป!

คืนแรกผมนอนปิดไฟตามปกติ พอเคลิ้มๆ จะหลับพลันได้ยินเสียงตุ๊บ ๆๆ ที่ปลายเตียง ครั้นเปิดไฟดู...โอเคไม่มีอะไร! ปิดไฟจะนอนใหม่ เอาอีกแล้ว...คราวนี้ได้ยินเสียงของในห้องตกลงมาจากตู้ครับ ดังโครมๆๆ เปิดไฟดูใหม่ของของผมตกลงมาเกลื่อนพื้นเลย ทั้งหนังสือ นาฬิกา ซีดี วิทยุ

เด็กในขวดดอง

"ธนะศาสน์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงเรียน
ห้องพยาบาลของโรงเรียนผมอยู่ชั้นล่างของอาคารเรียนที่สูง 3 ชั้น นักเรียนที่ขี้เกียจเรียน หรือทำการบ้านไม่เสร็จ กลัวครูดุ ก็มักจะอาศัยห้องนี้เป็นที่หลบภัย อ้างว่าปวดหัวปวดท้องไปตามเรื่อง ครูพยาบาลจะจับกรอกยาแล้วให้นอนพัก

พวกเราเล่นละครเก่งครับ อ้อนเก่งด้วย คุณครูพยาบาลใจดี..เสียอย่างเดียวในห้องนี้มีสิ่งที่ผมกลัวมากๆ

ที่ตู้กระจกใกล้ๆ เตียงพยาบาลนั้น มีขวดโหลหลายใบตั้งโชว์อยู่ ขวดใสมีน้ำสีเหลืองๆ แช่อวัยวะที่ตัดมาจากศพ สมอง หัวใจ ปอด และเด็กดอง!

สมองในขวดโหลเป็นของคนที่ตายเพราะเส้นเลือดแตก หัวใจมาจากคนที่ถูกยิง...ผมยังเห็นรูกระสุนที่คร่าชีวิตเขาได้อย่างชัดเจน ปอดนั้นตัดจากคนที่สูบบุหรี่จัดจนดำไปแถบหนึ่งอย่างน่ากลัว

ส่วนเด็กดองที่แช่อยู่ในแต่ละโหล เป็นเด็กที่ตายในครรภ์ตั้งแต่ 5-7 เดือน แต่ละคนจะพิการไปคนละอย่าง ดูยังไงก็เหมือนภูต หรืออะไรบางอย่างที่น่ากลัว

ผี วิญญาณและภพภูมิ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


ถาม : ผีและวิญญาณ มีจริงหรือไม่ ตามประสบการณ์ของพระคุณเจ้า

หลวงพ่อ : เรื่องวิญญาณหรือผีมี หรือไม่มีนี้ ถ้าใครยังไม่เคยเห็นผี แล้วยังไม่เคยโดนผีหลอก นึกว่าผีไม่มี ก็ชอบแล้ว แต่ถ้าใครเคยเห็นผี แล้วก็โดนผีหลอกมาแล้ว จะยอมรับว่าผีมี ก็เป็นการชอบแล้ว เพราะมีเหตุผล แต่ถ้าหากใครยังไม่เคยเจอรับฟังเอาไว้ สิ่งใดย่อมมีคำพูดกล่าวขวัญถึง มีชื่อเรียก สิ่งนั้นย่อมมีจริง แต่เรายังค้นไม่พบ

เรื่องนี้อาตมาจะนำมาเล่าให้ฟังย่อ ๆ เมื่อปี ๒๕๐๑ มีผู้ศรัทธามอบที่ดินแห่งหนึ่งให้ ที่ดินตรงนั้นเป็นที่ผีสิง และก็อาตมาพาพระเณรไปอยู่ที่นั้น ๔-๕ องค์ พออยู่ได้ ๓ วัน ก็เกิดผีมาตบหน้า ก่อนที่ผีมันจะมาตบหน้าหลังจากที่นั่งสมาธิภาวนาแล้ว ถึงเวลาที่จะจำวัด (นอน) พอมีอาการเคลิ้ม ๆ ลงไป ก็มองเห็นเป็นกลุ่มวิ่งมาจากตะวันตก แล้วก็มาสัมผัสกับใบหน้าเหมือนกับฝ่ามือตบ ทีนี้มานึกว่า เอ๊ะ ฝันหรืออย่างไร ถ้าฝันทำไมเจ็บ ก็เลยเกิดข้อสงสัยขึ้นมา เอ๊า ผีจะตบหรือไม่ตบก็ช่าง วันนี้ต้องมาดูให้รู้เรื่องกัน วันนั้นเลยตัดสินใจไม่จำวัด เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาอยู่ตลอดคืน พอเดินไปได้สักหน่อยหนึ่ง ได้ยินเสียงตก ตูม ลงมา เดินไปดูไม่มีอะไร เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงตี ๓ พอถึงตี ๓ แล้วไปเข้าที่นั่งสมาธิ มองไปข้าหน้ามองเห็นแสงโตเบ้อเร่อ ขนาดตะเกียงเจ้าพายุมี ๒ แสง วิ่งวนไล่กันอยู่ ในที่ตรงนั้นมีพระองค์หนึ่งไปจำวัดอยู่ที่นั้น พออาตมานึกว่าพระองค์นั้นจะตื่นหรือเปล่าหนอจะได้เห็นอะไรพอเป็นขวัญตา พอนึกแค่นั้นแหละ แสง ๒ แสง ผละจากพระองค์นั้นวิ่งมาหาอาตมา อาตมาก็กำหนดจิต เอ๊า ถ้าแน่จริงมาชนอาตมาให้ตายทีเดียว ให้อาตมาสำเร็จพระนิพพาน พอมันเข้ามาระยะห่าง ๕ วา แสงนั้นก็ตกลงกับดิน แล้วก็หายไป
ก็เลยได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ผีมันมีจริง ๆ วิญญาณมันมีจริง ๆ ถ้าใครไม่เห็นแล้ว ก็อย่าเพิ่งรับรอง พยายามดูให้มันเห็นเสียก่อน

เปรตวัดโสมฯ

"คนวัดแค" เล่าเรื่องสยองขวัญในย่านนางเลิ้ง

ผมเป็นเด็กนางเลิ้งครับ หรือจะพูดให้ถูกต้องตรงเป้าจริงๆ คือเป็นอดีตเด็กเมื่อหลายสิบปีก่อน เรื่องผีดุสุดๆ นั้นขอยืนยันว่าย่านนางเลิ้งของผมไม่น้อยหน้ากว่าย่านอื่นหรอกครับ สาบานได้

สมัยก่อนยังเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อยู่ห่างไกลจากพระนคร มีช้างหลวงที่ไม่ได้ขึ้นระวางเที่ยวหากินอย่างอิสระ ชาวบ้านเรียกย่านนี้ว่าทุ่งส้มป่อย สาเหตุเพราะมีต้นส้มป่อยขึ้นสะพรั่ง

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการขุดคลองผดุงกรุงเกษมขึ้นเป็นคลองคูพระนครชั้นนอก มีการประกอบพิธีขอฝน หรือ "พิรุณศาสตร์" และพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอยู่ระยะหนึ่ง ทุ่งส้มป่อยก็ชักจะเป็นที่รู้จักมักคุ้นของผู้คนทั่วๆ ไป

ที่ไหนดัง ที่นั่นก็มีคนอยากมาเที่ยวกับอยากมาอยู่อาศัยเป็นธรรมดา !

มีทั้งชาวญวนและชาวมอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมคลองด้านเหนือ จนได้ร่วมกันสร้างวัดประจำหมู่บ้านขึ้นมา คือวัดสมณานัมบริหาร ที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดญวนสะพานขาว"

ปรากฏการณ์เห็นผี 10อย่าง


ปรากฏการณ์ที่ 1: เยื่อกระจกตาคนตาย ...ถ้าชีวิตของคุณตกอยู่ในโลกที่มืดมิด และกำลังเสาะหาแสงสว่าง... สำหรับ หญิงสาวตาบอดที่เฝ้าฝันถึงโลกที่สวยงาม การมองเห็นเฉกเช่นคนอื่น ย่อมเป็นความปรารถนาที่เฝ้าคอย เพียงทว่าควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า การเลือกมองโลกผ่านมุมมองของคนที่ไม่รู้จัก จะเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันอาจทำให้คุณได้เห็นและสัมผัสกับสิ่งที่คุณไม่อยากเจอเลยทั้งชีวิต

คำเตือน: เมื่อโลกแห่งวิญญาณที่ผ่านนัยน์ตาของคุณถูกเปิดแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะหันหลังกลับ

ปรากฏการณ์ที่ 2: คนท้องเห็นผี ...การเกิด และการตายคือ 2 สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ชั่วนิรันดร์… มี หลายเหตุผลที่หลายคนไม่เคยล่วงรู้ สาเหตุของการดิ้นของลูกน้อย ลูกเตะ สำหรับมารดาที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์นำมาซึ่งปัจจัยในการเชื่อมโยง ระหว่างโลกของคนเป็นและคนตายได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องและคิดฆ่าตัวตาย

คำเตือน : สำหรับสาวใจแตกที่ตั้งท้องและกำลังคิดสั้นด้วยการกินยาเกินขนาด

ผีเด็กแมนชั่น


เรื่องราวสยองขวัญเผชิญวิญญาณที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง ที่ดิฉันเจอ มันจะมาในลักษณะคล้ายกับโดนผีอำ แต่มัน น่ากลัวมาก ๆเหมือนจริง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับดิฉันตอนเช่าแมนขั่นอยู่กับญาติ ๆ แมนชั่นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 10 กว่า ปีแล้ว บรรยากาศภายใน เงียบ มากจนทำให้เข้ามาเดินแล้วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ดิฉันนอนหลับกลางวันอยู่บนเตียงนอน ดิฉันก็เห็นเด็กสองคนอายุประมาณ 4 ขวบ วิ่งเล่นกันอย่าง สนุกสนาน เสียงดังมากจนดิฉันรู้สึกหนวกหูอย่างมากเลยลุกขึ้นมาต่อว่าให้เด็กสองคนนั้นเงียบ ๆ หน่อย เด็กสองคนนั้นพอได้ยินดิฉันว่า ก็หยุด และหันมามองดิฉัน เป็น ตาเดียวกัน

ลูกสาวเข้าฝันแม่


ให้แม่ไปขุดศพถูกฝังดินใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านสามีสูญหายไป 4 เดือน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 กันยายน 2548 พ.ต.ท.พิสิฐ อุ่นใจ พนักงานสอบสวน(สบ.3)สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าถูกฝังดินไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.พรหมพิราม หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.เชาวลิตร วงศ์พิทักษ์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.จิตพงษ์ วิชญาปกรณ์ สวป. แพทย์เวรประจำโรงพยาบาลพรหมพิราม เจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพ ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านอีกประมาณ 50 คนช่วยกัน ขุดดินใต้ต้นมะม่วงกว้าง 1 เมตร ลึก ลงไป 1.5 เมตร จนพบโครงกระดูกของมนุษย์ สภาพนอนหงายกะโหลกศีรษะด้านหน้าแตกคล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง เนื้อตัวเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูก คาดว่าได้ชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน สันนิษฐานในเบื้องต้นศพดังกล่าวน่าจะเป็น นางราตรี ทองดี อาย 21 ปี อยู่บ้านดังกล่าว ที่ทางญาติได้แจ้งความหายไว้เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ต่อมาได้ประสานของเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเขต 33 พิษณุโลก เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

ผีทหารที่หัวหิน

ผีที่หัวหิน มีจริง ๆ เพราะเคยเจอมาด้วยตัวเองน่ากลัวมาก ๆ เริ่มตั้งแต่เราไปเดินเที่ยวที่ชายหาดตอนเย็น แต่พอจะกลับขึ้นฝั่งกลับหาทางขึ้นไม่ได้เลยต้องเดินวนไปวนมา กว่าจะหาเจอ แต่ก่อนจะเจอต้องเจออะไรก่อน

รู้มั้ย เจอกับศาลเจ้าแม่ พวกเราก็เข้าไปไหว้ขอให้หาทางขึ้นเจอด้วยเถอะ

รู้มะ พอสักพักที่เราเดินกลับมาทางเดิม กลับเจอทางขึ้นฝั่ง ซึ่งเมื่อสักครู่พวกเราเพิ่งเดินผ่านไปหยก ๆ แล้วพอเรามาที่บ้านพักที่เราไปเช่าอยู่นะ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่เราสงสัยว่าทำไมผู้คนที่เดินผ่านบ้านที่พวกเราพัก กลับมองพวกเราแปลกยังไง ๆ ก็ไม่รู้
แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละจนกระทั่งพวกเราทำอาหารเสร็จ ก็มานั่งสังสรรค์ที่ระเบียงบนบ้าน นึกภาพบ้านตามเรานะ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างๆโล่งๆ มีบันไดขึ้นไปบนตัวบ้าน มีอยู่ 2 ห้อง ซึ่งที่ๆ พวกเราสังสรรค์กันอยู่บริเวณหน้าห้องของทั้ง 2 ห้อง แต่ห้องน้ำอยู่ข้างล่าง แบบบ้านโบราณ พอเราสังสรรค์เสร็จนะ

เราก็แยกย้ายกันไปนอน ตอนนอนนั้นไม่มีอะไร แต่ตอนเช้านี่ซิ พวกเพื่อน มีอาการกับเราแปลก ยังๆไงก็ไม่รู้

ป้าแหม่ม

"หนูนก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของวิญญาณป้าแหม่ม

ป้าแหม่มเป็นพี่สาวแท้ๆ ของแม่หนูเองค่ะ อายุไม่มากเท่าไหร่ ราว 44-45 ปีเท่านั้น ไม่ได้แต่งงานทั้งๆ ที่เป็นคนสวย...สวยกว่าแม่ของหนูอีกนะคะ และเก่งมากด้วย ทำงานบริษัทได้เงินเดือนสูง ขับรถเก่ง อยู่บ้านเดียวกับหนู

ป้าแหม่มเป็นคนที่ใครๆ ในบ้าน ทั้งหลานๆ และคนรถ คนสวน คนใช้กลัวเกรงมากที่สุด!

หนูทั้งรักทั้งกลัวป้าแหม่ม รักมากกว่ากลัวค่ะ จึงเสียใจมากเมื่อรู้ว่าป้าแหม่มเป็นมะเร็งเต้านม! ตอนแรกๆ มันเป็นก้อนแข็งใต้รักแร้ค่ะ พอหมอบอกว่าเป็นมะเร็งเท่านั้นแหละ คนในบ้านซึมไปเลย

พวกเราแอบร้องไห้เพราะรู้ว่าป้าต้องจากเราไปแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว แต่แม่บอกหนูว่าคงไม่เป็นไรหรอก สมัยนี้มียาดีๆ หมอก็เก่ง

อาจจะเพราะยาดีและหมอเก่งอย่างที่แม่ว่า ป้าแหม่มจึงอยู่มาได้นานกว่า 2 ปี แต่เมื่อต้นปีนี้เอง หลังจากฉลองปีใหม่ได้ไม่กี่วัน ป้าแหม่มก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอาการทรุดอย่างรวดเร็ว

มะเร็งที่เรานึกว่าหายกลับไปโผล่ที่ตับ และลามไปปอดแล้วค่ะ!

ไฟเจ้าพ่อ

"หมวยเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกมีคนไปเผาต้นโพธิ์ในซอย

เมื่อปีกลายนี้ครอบครัวหนูย้ายจากเจริญพาสน์ไปอยู่บางยี่เรือ เพราะใกล้ที่ทำงานของพ่อมากกว่า บ้านเช่าเราอยู่แถววัดอินทาราม เห็นเขาเรียกกันว่าวัดกลางค่ะ ใกล้ๆ กับวัดเวฬุราชินกับวัดจันทราราม

หนูไปอยู่ไม่นานก็รู้จักกับเพื่อนบ้านและเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลายๆ คนบอกว่าแถวนี้ผีดุนะ ระวังตัวเอาไว้ด้วย

มีต้นโพธิ์ใหญ่ริมทางเดิน เขาเรียกเจ้าพ่อโพธิ์ ชาวบ้านนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และผีดุด้วย เห็นมีผ้าเขียวๆ แดงๆ สีเหลืองก็มี สีชมพูก็มี ทั้งเก่าและใหม่พันอยู่เต็มโคนต้น แถมยังมีตุ๊กตาดินเผารูปคนรูปสัตว์กับก้านธูปเกลื่อนกลาดไปหมดเลยค่ะ

มีคนไปบนบานศาลกล่าวเจ้าพ่อด้วยเรื่องต่างๆ เช่น ปัญหาครอบครัว มีหนี้สิน ผัวมีเมียน้อย ลูกติดยา ขนาดไปบนให้ลูกหลานแคว้วคลาดจากการโดนเกณฑ์ทหารก็มี

ส่วนมากก็คือไปขอหวยเจ้าพ่อ เมื่อถูกหวยก็มาแก้บนกัน คนแทงหวยผิดไม่มีใครโทษเจ้าพ่อหรอกค่ะ แต่บอกว่าตัวเองดวงไม่ดี ไม่มีลาภต่างหาก

อาจารย์ใหญ่

"ศิษย์อาจารย์ใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณผู้ห่วงใย

ดิฉันมีอาชีพรับราชการ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก งานในหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลประจำ คืองานสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

วิชานี้ว่าด้วยการศึกษาร่างกายของมนุษย์ทุกๆ ระบบในร่างกาย โดยภาคปฏิบัติได้เรียนกับผู้อุทิศร่างกายที่เราเรียกว่า "อาจารย์ใหญ่"

พวกเราทุกคนที่ทำงานด้านนี้ด้วยความรักและศรัทธาต่อวิชาชีพ และเคารพนับถือต่ออาจารย์ใหญ่ทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมบริจาคร่างกายให้เป็นวิทยาทานต่อลูกหลานผู้ศึกษาทางด้านการแพทย์ของไทยทุกๆ คน

โดยธรรมชาติแล้วไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า กลัวกับสิ่งที่ไม่เห็นมากกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า! สำหรับดิฉันไม่ลบหลู่หรือท้าทายใดๆ ศรัทธาเท่านั้นที่ทำให้ดิฉันยังปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความสุขที่ได้ทำมาจนทุกวันนี้ ถึงแม้ความเสี่ยงที่ได้รับจากการที่ต้องอยู่ในห้องเรียนจะมีผลต่อสุขภาพของผู้สอนเช่นดิฉัน มากกว่านักศึกษาเสียอีกค่ะ

ผี ขึ้นจากสระ


"อนินทิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อมีเด็กขึ้นจากสระติดรถมาด้วย

เด็กผู้หญิงเล็กๆ วัยสัก 3-4 ขวบนั้น บางคนมักจะชอบเล่นกับ "เพื่อนสมมติ" ซึ่งเพื่อนของเธอคนนี้ไม่มีตัวตน แต่มีชีวิตชีวาอยู่ในจินตนาการของเธอคนเดียวแท้ๆ และเรื่องนี้ก็ทำให้ดิฉันถึงกับขนหัวลุกมาแล้วเมื่อสามปีก่อน

พิมพ์ลดาเป็นหลานสาวอายุ 4 ขวบของดิฉันเอง พ่อแม่ของเธอรวยจัดก็เลยส่งลูกสาวตัวน้อยเข้าโรงเรียนอนุบาล ที่คิดค่าเทอมแพงลิบลิ่วอย่าบอกใครเชียว ฟังแล้วแทบจะลมใส่ไปตามๆ กันเชียวค่ะ

ค่าเทอมเหยียบหลักแสน แถมยังมีกิจกรรมสารพัดที่ดูดเงินผู้ปกครอง ผู้ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้าคนอื่น...ทั้งละครโรงเรียน ทั้งเรียนพิเศษ เรียนบัลเลต์และว่ายน้ำ!

เผลอๆ ก็มีโฟโต้สตูดิโอดังๆ มาให้บริการถ่ายรูปชนิดวิลิศมาหราเอาไว้ติดฝาบ้าน รูปที่ถ่ายออกมาก็สวยอย่างน่าอัศจรรย์ ทว่าราคาค่ารูปนั้นมันช่างมหัศจรรย์ยิ่งกว่าค่ะเพราะล่อเข้าไปเป็นหมื่น

เสียงปริศนาจากห้องไม่มีเลขที่

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2546 มาแล้วค่ะ

ตอนนั้นเป็นช่วงตอนปีใหม่ ดิฉัน, สามี, เพื่อนสามีและแฟนของเขา เราทั้งสี่คนตกลงจะไปเที่ยวที่เพชรบูรณ์โดยจองรีสอร์ท 3 วัน 2 คืน
แต่เราไปก่อนวันจอง 1 วันจึงโทรไปขอพักเพิ่มอีก 1 คืน แต่ทางรีสอร์ทไม่สามารถให้เราเข้า พักก่อนได้เพราะมีคนพักอยู่ในห้องที่เราจองไว้ ประกอบกับไม่มีห้องอื่นว่าง

ดังนั้นคืนแรกเราจึงต้องหาที่พักกันเอง
เราหาที่พักกันแถวๆ ตัวเมือง

โรงแรมแรกที่เราเข้าไปติดต่อนั้นห้องพักเต็มหมดเพราะเป็นวันปีใหม่
เจ้าหน้าที่ที่นั่นแนะนำให้ไปอีกโรงแรมนึงซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เราจึงไปตามที่เขาแนะนำ

พอไปถึงโรงแรมที่สอง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าห้องพักเต็มเช่นกัน พวกเราทั้งเหนื่อยและล้าจากการเดินทางซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ แต่ก็เริ่มมืดแล้ว เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว เราจึงขอร้องเขาให้ลองหาห้องว่างให้เราสักสองห้องเผื่อว่าจะมีใครเช็คเอ้าท์ออกตอนหกโมงเย็น

เจ้าหน้าที่สองคนมองหน้ากันก่อนที่จะบอกกับเราว่า ที่จริงแล้วมีห้องว่างอยู่สองห้องแต่เป็นห้องแบบสองเตียง เราดีใจมากจึงจึงตอบตกลง

วิญญาณมารายงานตัว

เรื่องเล่าหลวงพ่อจรัญ

อาตมามีเรื่องวิญญาณจะเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึง เป็น เรื่อง วิญญาณมารายงานตัวเพื่อเจริญกรรมฐานที่วัดอัมพวัน เมื่อปีพ.ศ. 2525 -2526 เขาคือ วิญญาณของนายวิโรจน์ ปัญจบุรี

จำเป็นจะต้องกล่าวประวัติของนายวิโรจน์สักนิดหน่อย นายวิโรจน์ ปัญจบุรี เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2503บ้านเลขที่ 91/1 ถ. ประตูชัย ต. เวียง อ. เมือง จ. พะเยา บุตรนายวิรัตน์ นางมอนแก้ว ปัญจบุรี มีพี่น้องร่วมท้องกัน 4 คนนายวิโรจนเป็นคนที่สอง มีการศึกษาดี เรียนดีตลอดมา คือจบสายสามัญจากโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พ.ศ. 2520 ศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับประกาศนียบัตร วิชาการศึกษาชั้นสูงวิชาเอกพลศึกษา เมื่อ พ.ศ.2524 และ ได้รับปริญญาครุศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาเอกพลศึกษา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2526

เมื่อเดือนตุลาคมปี 2525 ระหว่างที่นายวิโรจน์เป็นนักศึกษา วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนนักศึกษามาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจ ที่วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี จัดโดยสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ มีผู้แทนนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศมาเข้าค่าย 7 วัน มาเจริญวิปัสสนากรรมฐานนายวิโรจน์ปฏิบัติได้ดีมาก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ เป็นคนไม่ข้องแวะกับอบายมุขเลย

นายวิโรจนมีแฟนคนหนึ่งเป็นคนจังหวัดเดียวกัน เขารัก กันมาก เมื่อเรียนจบแล้ว วิโรจน์สอบบรรจุได้เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยครูเชียงราย แฟนของวิโรจน์สำเร็จ ปวช. เรียนต่อ ปวส.แล้วลาออกไปทำงานที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดพะเยา

ปีศาจเจ้าสิงศาลพระภูมิ


"ปานใจ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อปีศาจเจ้าสิงศาลพระภูมิ

ดิฉันเคยฟังพวกผู้เฒ่าแก่เล่าเรื่องผี คุยเรื่องภูตผีปีศาจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ต้องกลัวผีคล้ายๆ กันทั้งนั้น ขนาดไม่กล้านั่งตรงช่องกระดานก็แล้วกัน จะมองลงไปยังไม่กล้ามอง..กลัวจะเห็นผีน่ะซีคะ

เรื่องถูกผีหลอกต่างๆ นั้นคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผีหลอกทำไม? เพื่ออะไร? นี่ซิคะที่เป็นปัญหาข้องใจมาตลอด

ส่วนมากมักจะบอกว่าผีมาขอส่วนบุญต่างหาก แต่คนที่โดนผีหลอกไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นหรอกค่ะ มีแต่จะหวาดกลัวจนขนหัวลุกไปตามๆ กัน บางคนกลัวจนแทบหัวใจวายก็มี! บ้างก็เชื่อว่าถ้าเรารู้จัก หรือเป็นเพื่อนเป็นญาติ ผีที่มาปรากฏให้เห็นเพราะคิดถึง จิตผูกพันกันอยู่ จึงต้องการมาเยี่ยมเยียน

บ้างก็บอกว่ามาส่งข่าว หรือบอกให้ญาติมิตรรับรู้ว่าตนเสียชีวิตไปแล้ว!

นอกนั้นก็เป็นผีที่ถูกฆ่า ติดตามมาล้างแค้นคนที่ฆ่าตน โดยเฉพาะเมื่อถึงความตายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส โกรธแค้นเต็มที่ จะทำให้วิญญาณเฮี้ยนจัด...ติดตามอาฆาตไม่ลดละ จนกว่าจะแก้แค้นได้สำเร็จ!

วันชิงเปรต


"หนูใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในวันชิงเปรตที่ระโนด

เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินคำว่า "ประเพณีชิงเปรต" ของคนภาคใต้มาบ้างแล้ว แต่หลายๆ คนก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีชื่อค่อนข้างแปลก โดยเฉพาะ "เปรต" เป็นอสุรกายชนิดหนึ่งที่รู้จักกันดีว่าน่าหวาดกลัวนัก แล้วจะมาแก่งแย่งขนาด "ชิงเปรต" กันไปด้วยเหตุไร?

ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

"ชิงเปรต" เป็นประเพณีในวันสารทเดือนสิบของพวกเราชาวใต้ โดยช่วยกันทำร้านสำหรับจัดสำรับอาหารคาวหวานไปวาง เพื่ออุทิศให้ผีสางหรือ "เปรตชน" ซึ่งหมายถึงปู่ ย่า ตา ยาย ที่ล่วงลับไปแล้ว

เมื่อนำสำรับอาหารลงมาแล้ว พวกลูกหลานของผู้ตายก็เข้าแย่งอาหารนั้น เรียกว่า "ชิงเปรต" หรือจะพูดให้ชัดๆ คือแย่งชิงอาหารต่อจากเปรตก็คงไม่ผิดหรอกนะคะ

บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับประเพณี "ทิ้งกระจาด" ของคนจีน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าแตกต่างกันพอสมควร

การทิ้งกระจาดของจีนเป็นการทิ้งทานให้แก่พวกผีไม่มีญาติ ส่วนการตั้งเปรต-ชิงเปรตของไทย เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ทั้งเปรตและผี ทั้งที่เป็นญาติพี่น้องของพวกเรา รวมทั้งอุทิศให้ผีไม่มีญาติด้วย

พวกเราเชื่อถือสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษแล้ว ว่าการชิงเปรตไม่ก่อให้เกิดอัปมงคลแก่ผู้ชิง ตรงกันข้าม กลับถือว่าได้บุญเสียด้วยซ้ำไป!

เธออยู่ในตู้


 หมอนิ้ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่ดอยสะเก็ด

อ้นเป็นเพื่อนสนิทของดิฉัน เรานัดกันไปเที่ยวเชียงใหม่ หวังโต้ลมหนาวสุดๆ เดือนธันวาคม เรื่องที่พักไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะญาติของอ้นเพิ่งแต่งงานกับพ่อม่าย-เศรษฐีเจ้าของไร่กาแฟเมื่อปีกลาย

มาปีนี้เลยชวนคนชอบๆ กันไปเคานต์ดาวน์ที่นั่น ดิฉันกับอ้นต่างมีธุรกิจส่วนตัวก็เลยมีอิสรเสรีเต็มที่ ยังโสดเสียด้วยซิคะ ทั้งๆ ที่เราอายุสามสิบกว่าๆ กันแล้ว

วันที่ 28 ธันวาคม เรานั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่ พี่อ้อย-ญาติของอ้นเอารถมารับถึงสนามบิน เธอแก่กว่าเราแค่ 2-3 ปีแต่ดูสาวสวย มีสง่าราศี แต่งตัวเก่งและคุยสนุก มีเสน่ห์มากค่ะ สามีของพี่อ้อยเป็นม่าย ภรรยาเสียชีวิตไปร่วมสิบปี ลูกๆ ของเขาโตๆ กันหมดแล้วและไปอยู่เมืองนอกกันหมด คุณวิชัยก็เลยเหงา...ต้องนับว่าพี่อ้อยโชคดีมาก

ไร่กาแฟของคุณวิชัยอยู่ที่ดอยสะเก็ด มีเนื้อที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์สวยงามมาก มีภูเขาและสวนดอกไม้ด้วยค่ะ ในไร่นี่ปลูกกระท่อมสไตล์ยุโรปไว้ 5-6 หลัง เอาไว้ให้เพื่อนฝูงและญาติๆ มาพักไงคะ

ปีนี้ผู้คนก็มากันร่วมสามสิบคนแน่ะ ญาติของคุณวิชัยทั้งนั้น มีแต่ดิฉันกับอ้นที่เป็นเพื่อนและญาติฝ่ายพี่อ้อย แต่เราก็เข้ากับทุกคนได้ดีค่ะ พวกเขามีครอบครัวแล้ว แต่ละคนก็พาลูกพาหลานมา ทำให้ครึกครื้นดีจัง

พี่อ้อยให้เราสองคนพักอยู่ที่กระท่อมขนาดสามห้องนอน อยู่ไกลออกมาจากบ้านใหญ่ น่าแปลกใจว่า ทำไมครอบครัวของคุณนุชกับคุณวิเชียร พี่ชายสามีพี่อ้อยพาลูกหลานกับพี่เลี้ยงมาหลายคน กลับได้นอนกระท่อมที่มีแค่สองห้องนอน ดิฉันก็เกรงใจพยายามพูดให้เขามานอนทางนี้ แต่พวกเขาทำหน้าแปลกๆ มองตากันแล้วบอกว่าไม่เป็นไร นอนหลังนั้นดีกว่าเพราะใกล้กับบ้านใหญ่ดี

พระอาจารย์สิงห์ทอง เผชิญผีเปรต บ้านกุดเรือดำ


ขอย้อนกลับมาพูดเรื่องผีเปรตอีกครั้ง ในปีหนึ่งท่านได้ออกเที่ยววิเวกในหน้าแล้ง เมื่อท่านวิเวกไปถึงบ้านกุดเรือดำเป็นเวลาจวนจะมืด บ้านกุดเรือดำ ตำบลกุดเรือดำ อำเภอวานรนิวาส สกลนคร
ท่านเข้าไปในวัด พระเณรก็ต้อนรับ จัดสถานที่ให้พัก ท่านเล่าว่ากุฏิว่างก็มีอยู่หลายหลัง แต่จัดให้ท่านและท่านอาจารย์เพียรพักที่ศาลาปฏิบัติธรรม สังเกตดูพระเณรรวมกันอยู่กุฏิละหลายองค์ทั้ง ๆ ที่กุฏิว่างยังมี
เมื่อท่านสรงน้ำเสร็จท่านก็ครองผ้าไปกราบเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสชื่อพระอุปัชฌาย์เถื่อน ให้ท่านอาจารย์เพียรอยู่เฝ้าบริขาร ครั้นกราบท่านแล้วก็พูดคุยกันต่อ จนเป็นเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม ท่านจึงกลับมาที่พัก
แล้วก็ทำวัตร ไหว้พระ สวดมนต์ ยังไม่ทันถึงไหน ท่านได้ยินเสียงดังข้างนอก ก็อก แก๊ก ๆ นึกว่าหมามันจะมาคาบรองเท้าหนี เพราะเป็นรองเท้าหนัง ท่านจึงหยุดออกไปเก็บรองเท้าเข้ามาไว้ข้างใน แล้วไหว้พระต่อ

เป็นใจให้ทำแท้ง เจอเลยผลกรรม

คุณฟิลม์มีประสบการณ์เล่าให้ฟังว่า
น้องสาวท้องคนที่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนมีเหตุผล เราก็โมโหกับสื่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดลงความเห็นว่าไปทำแท้ง โดยฟิล์มเองก็ตัวดีเลย นึกถึงเวลานั้นมันบาปจัง ไม่แก้ตัวค่ะยอมรับว่าเป็นคนนึงที่สงเสริมให้น้องไป ผ่านมาสามปีแล้วค่ะ น้องมีลูกแล้วสองคน แต่ทำมาหากินไม่ขึ้นเลย โดนไปตามๆกัน ฟิล์มคิดว่า แค่เราบอกให้ทำไม่น่าจะเป็นเวรกรรมกับเค้าด้วย ป่าวเลยค่ะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีเค้าจะมาให้ผลตามเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ผ่านมาสามปี วันนั้นเป็นประจำเดือนค่ะแต่จะหมดแล้วฟิล์มกินยาถ่ายไปคืนนั้นแต่ดันไม่ถ่าย รอทั้งคืนไม่มีผลเลยหลับไป พอเช้ามาปวดท้องมากเหมือนจะถ่ายเลยรีบ วิ่งไปห้องน้ำ เหมือนปวดท้องถ่ายธรรมดา แต่วันนั้นมันไม่แค่นั้นค่ะ มันปวดมาก ฟิล์มต้องเอามือมาโกยพุงตรงท้องน้อย บริเวณที่ปวดประจำเดือน เหมือนมดลูกมันจะหลุดเลยค่ะ ร้องดังมากแต่ไม่มีใครอยู่บ้าน โอ่ยไม่เคยปวดเช่นนี้มาก่อน ทรมานสุดๆไม่รู้ผู้ที่เคยทำแท้งเจ็บอย่างไร เจ็บแบบเดียวกันไหม แต่ฟิล์มปวดมาก เวลาจะถ่ายมันจะไม่ออกแต่มดลูกมันดันแทน ฟิล์มนั่งกดท้องน้อยและสกัดไว้ คือมันคงไม่หลุดมาจริงๆแต่มันปวดแล้วเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ

วัยรุ่นออสซี่แห่ “ลองของ”

ดวงไฟประหลาดที่เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของนักบิดที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อน

วัยรุ่นออสเตรเลีย ลองของ ซิ่งรถ 111 ไมล์/ชม.กลางดึกหวังเจอ “ผีตายโหง”

เดลีเมล์ - ชาวบ้านในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของออสเตรเลียต่างเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกหลาน เมื่อมีการท้าให้วัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 111 ไมล์ต่อชั่วโมงกลางดึกบนถนนเปลี่ยว เพื่อรอดูการปรากฏของวิญญาณนักบิดที่เสียชีวิตบนถนนดังกล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วบันทึกภาพลงยูทิวบ์

จำนวนวัยรุ่นที่ชอบลองของมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนตำรวจท้องที่ต้องออกคำเตือน เพราะชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า หากคนที่สอบได้ใบขับขี่ใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า “พี-เพลตส์” (P-Plates) ลองขับมอร์เตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 111 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนน เลมอน ทรี ในเมืองนิวคาสเซิลยามค่ำคืน จะเห็นวิญญาณของนักบิดวัย 20 ปีที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตบนถนนแห่งนี้เมื่อปี 2007

ว่ากันว่า วิญญาณดังกล่าวจะปรากฏในรูปดวงไฟไล่ตามรถมอเตอร์ไซค์เพื่อให้พวกเขาลดความเร็วลง

โฆษกประจำอ่าว พอร์ต สตีเฟนส์ กล่าวว่า “มีเสียงร้องเรียนเข้ามามากว่าวัยรุ่นหลายคนออกไปขับมอเตอร์ไซค์กลางดึกเพื่อถ่ายภาพไปลงยูทิวบ์ เราจึงขอเตือนผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนดว่า แสงที่พวกเขาจะได้เห็นทางกระจกหลังก็คือแสงสีแดงและสีฟ้าจากรถตำรวจเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม คำเตือนดังกล่าวไม่ได้ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของวัยรุ่นและจำนวนวิดีโอที่ถูกนำมาลงยูทูปลดลง หลายคนที่ลองทำตามคำท้าและพบดวงไฟประหลาดต่างเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น จนถึงกับอุทานเป็นคำพูดที่ออกอากาศไม่ได้เลยทีเดียว

แม้จะมีความพยายามอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวผ่านเวบไซต์รวมเรื่องแปลก “อันเอ็กซ์เพลนด์ ออสเตรเลีย” แต่ก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่าดวงไฟดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเหตุใด

ในขณะที่นักซิ่งวัยโจ๋ต่างเชื่อในตำนานดังกล่าว การขับรถด้วยความเร็วสูงของพวกเขาก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์และกังวลกันไม่น้อย

นักท่องอินเทอร์เน็ตคนหนึ่งเขียนข้อความในกระดานสนทนาว่า “ไม่รู้หรอกนะว่ามีผีหรือเปล่า ไม่สนใจด้วย แต่ที่สนก็คือ ฉันกับลูกๆ ขับรถผ่านถนนเส้นนั้นเป็นประจำ และฉันไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องบาดเจ็บหรือตายเพราะพวกซิ่งมอเตอร์ไซค์”

นักบิดคนดังกล่าวเสียชีวิตเนื่องจากมอเตอร์ไซค์ของเขาพุ่งประสานงากับรถยนต์บนถนน เลมอน ทรี ในเมืองนิวคาสเซิล เมื่อปี 2007

จาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000115386

ตะเคียนที่ยะหริ่ง


บุหรง ตันหยงดาลอ เล่าเรื่องน่าขนหัวลุกจากตะเคียน "โต๊ะปียา"

ดิฉันเป็นคน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หนึ่งในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผู้ก่อการร้าย หรือจะเรียกว่าผู้สร้างสถานการณ์ก็ได้ค่ะ ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ต้นปี 2547 มาถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการ "ฆ่ารายวัน" จนแทบจะไม่เป็นอันทำมาหากินกันแล้วค่ะ

ท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโปรดค้นหาสาเหตุให้พบ เมื่อรู้แน่ว่าเกิดจากอะไรแล้วจะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ มีหวังต้องฆ่าแกงทุกวัน น่าอเนจอนาถไม่จบสิ้น

วันนี้มีเรื่องขนหัวลุกเล่าให้ฟังค่ะ

เมื่อเอ่ยถึงต้นตะเคียน เป็นอันรู้จักกันดีทุกภาค หรือทุกจังหวัดของประเทศไทยนะคะ ว่ามีนางตะเคียนสิงสู่ เรียกว่า "ผีตะเคียน" เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเอง ไม่มีใครอุตริไปปลูกหรอกค่ะ บางแห่งก็เชื่อว่าต้นตะเคียนในป่าช้าจะเฮี้ยนที่สุด มีหน้าที่คอยกำราบผีต่างๆ ไม่ให้ออกอาละวาด ทำให้คนเดือดร้อน

ผีพรายในพระราชวังดุสิต


ยังมีเรื่อง "ผี" อยู่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในรั้ววังสมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่พระองค์ท่านย้ายวังมาประทับที่พระราชวังดุสิต ในรัชสมัยของพระองค์ท่านพระราชวังวสวนดุสิต ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม่ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณวัง
ผลหมากรากมในพระราชวังแห่งนี้ออกดอก ออกผลลูกเล็กลูกใหญ่ ห้อยระย้าเต็มต้น มีทั้งฝรั่ง ทับทิม มะม่วง กระท้อน ฯลฯ เมื่อผลไม้มีมากมายเช่นนี้ก็ย่อมเป็นที่ต้องการของชาววังมือดีทั้งหลาย ทั้งๆที่เป็นของที่อยู่ในเขตพระราชฐาน ผลไม้หลายๆต้นยังถูกสอยเอาไปรับประทานเป็นจำนวนไม่น้อยและเป็นประจำจนผิดสังเกต แถมผลไม้หลายๆลูกยังพบร่องรอยของฟันแทะไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
ครั้งนั้น เรื่องขโมยผลไม้ในวังกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาด รัชกาลที่ 5 ต้องเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และตรัสว่าไม่น่าจะใช่รอยฟันของกระรอก กระแต น่าจะเป็นรอยฟันของคนมากัดแทะเสียมากกว่า เห็นจะต้องหาตัวหัวขโมยมาลงโทษให้ได้ จึงมีการตั้งรางวัล ในการจับขโมย เป็นเงินถึง 2 ตำลึงในสมัยนั้น

ซอยขนส่ง ผีดุ


"คนซอย 18" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อศาลคู่แผลงฤทธิ์

บ้านผมอยู่ตรงข้ามกับสวนจตุจักรนี่เองครับ ถ้าจะเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ พหลโยธิน 18 แต่ชาวบ้านชอบเรียกง่ายๆ ว่าซอยขนส่ง เพราะอยู่ติดกับกรมการขนส่ง...ตรวจสภาพรถ ต่อทะเบียนรถก็ต้องมาที่นี่แหละ

คนเก่าคนแก่หลายๆ คนเรียกว่า...ซอยผีดุ! ถ้าจะสังเกตให้ดีก็คงพบว่าไม่ใช่คำพูดที่เลื่อนลอยเกินไป เพราะมีอะไรๆ หลายอย่างที่ทำให้น่าขนลุกขนพองเอาการ

ตั้งแต่สมัยก่อนเคยเป็นทุ่งนารกร้าง เพิ่งจะมีชุมชนหนาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อผ่านกึ่งพุทธกาลได้ไม่นาน มีคนไปสร้างบ้านเรือนในย่านนั้น (ละแวกสะพานควาย) เกิดพบโครงกระดูกก็มี ซากศพเน่าเปื่อยก็หลายราย

ที่น่าสยดสยองก็คือศพที่กำลังขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นตลบจากพงหญ้าบ้าง ดงไม้ล้มลุกรกทึบบ้าง ส่วนมากเป็นศพนิรนามทั้งนั้น!

คือถูกฆ่าทิ้ง หรือนำศพมาทิ้งไว้ที่นั่น...จับมือใครดมไม่ได้หรอกครับ

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร เล่าเรื่องผีปอบ


พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

เมื่อท่านอาจารย์ฉันเสร็จแล้ว ชาวบ้านก็เริ่มกินข้าวกัน และพูดคุยกันไป คุยกันไปถึงเรื่องผีปอบในหมู่บ้าน พอท่านอาจารย์ได้ยินเรื่องเขาคุยกันเรื่องผีปอบ ท่านก็พูดกับเขาว่าอาตมาก็เป็นปอบเหมือนกันนะโยม
ชาวบ้านเขาก็งงและตกใจว่าพระอะไรจะเป็นปอบ เขาเลยถามท่านว่าเป็นปอบได้อย่างไร ท่านอาจารย์ตอบว่า ปอบมะขามหวานชาวบ้านก็พากันหัวเราะ ท่านว่ายิ่งหวานเท่าไรยิ่งกินดี ปอบคนอื่นเขากินคน แต่ปอบของท่านอาจารย์กินมะขามหวานขันดี
เรื่องของผีปอบ (จะอธิบายเรื่องของผีปอบ)

เรื่องของผีปอบนี้ ทางอีสานโดยเฉพาะบ้านนอกเขาจะรู้กัน แต่ภาคอื่นส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก และบางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน คนที่เป็นปอบ (เจ้าของปอบ) นี้เป็นลักษณะผีเทียม เวลาไปกินคนจะบอกชื่อของคนที่เป็นปอบนั้น

ผีปอบนี้เกิดจากคนที่เรียกวิชาบางอย่างมา แล้วรักษาตามคำสั่งของอาจารย์ไม่ได้ หรือเกิดจากการสักว่านกระจายโพงแล้วรักษาไม่ได้ก็มี หรือพวกสบู่เลือด เหล่านี้เป็นต้น มักจะเป็นปอบ
คนที่จะเป็นผีปอบนี้ เริ่มแรกมักจะฝันว่าได้กินของดิบ เช่นเนื้อดิบ ลาบดิบเหล่านี้ ทีแรกก็จะกินเป็ด กินไก่ จากนั้นก็จะกินคน ส่วนมากมักจะกินคนป่วย คนธรรมดาที่ไม่ป่วยก็มีส่วนน้อย
เวลาปอบเข้ากิน ทีแรกคนที่ถูกปอบเข้าจะมึนชาทั้งตัว ต่อไปก็จะไม่รู้สึกตัวทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ และหลบหน้าเป็นไปในลักษณะนี้ ผิดสังเกต ไม่เหมือนคนคนเก่า คล้ายกับผีทรง เวลาผีปอบเข้าแล้ว เขาจะเอาหมอมาขับไล่

ทางผีผ่าน

ผมเป็นคนบ้านหมี่ จ.ลพบุรีครับ ใครมาเรียกว่าเราว่า "ลาวพวน" โกรธกันจริงๆ ด้วย เพราะผู้ใหญ่เล่าสืบกันมาว่า คนลาวก็เรียกพวกเราว่า "ไทยพวน" ทั้งๆ ที่คนพวนอยู่กันมาก่อนหน้านั้นหลายชั่วอายุคนแล้ว

คำว่า "ลาว" นี่เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อจักรวรรดินิยมฝรั่งเศสมายึดครอง มาแบ่งเขตแดนในภายหลังแท้ๆ

แล้วคำว่า "พวน" มาจากไหนล่ะ?

เดิมทีพวกเรามีบ้านเมืองเป็นหลักแหล่งอยู่ที่เมืองพวนโน่นแน่ะ เดี๋ยวนี้อยู่ในเขตเชียงขวาง ประเทศลาว อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงพระบาง อยู่ใต้เขตหัวพัน (ซำเหนือ) และอยู่ติดกับแขวงเวียงจันทน์ไปทางเหนือ ส่วนด้านทิศตะวันออกอยู่ติดชายแดนเวียดนาม

การโยกย้ายถิ่นฐานของมนุษย์น่ะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเต็มที ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน!

ชาวพวนอพยพมาอยู่ที่บ้านหมี่ตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยานะครับ มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานจากการก่อตั้งวัดหินปักใหญ่ ในปี 2306 โดยชาวพวกเป็นผู้สร้าง ส่วนวัดวังใต้นั้นชาวไทยเวียงที่อพยพตามหลังมา สร้างไว้ในปี 2307

ที่กลายเป็นชุมชนใหญ่ก็เมื่อคราวปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเข้ามาอยู่ในดินแดนนี้มากมายขึ้นผิดตา ปกติน่ะชาวพวนอพยพเข้ามาเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ

ละแวกย่านบ้านผมนี่มีแยะเชียว ทั้งบ้านหมี่, ทับคล้อ, ทุ่งโพธิ์, วังหลุม...

ใครว่าจังหวัดไหนมีชื่อมากมาย อำเภอผมก็ไม่น้อยหน้าหรอก ตอนแรกๆ เรียกว่าอำเภอสนามแจง ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอห้วยแก้ว ล่าสุดคือชื่ออำเภอบ้านหมี่เมื่อปี 2482 จนถึงทุกวันนี้

เคยได้ยินว่าภาคอีสานและภาคใต้เขามีประเพณีทำบุญทุกเดือน ภาคกลางหรืออำเภอบ้านหมี่ก็ไม่น้อยหน้าใครนะครับ

เดือนอ้ายบุญข้าวจี่, เดือนยี่บุญข้าวหลาม, เดือนสามกำฟ้า, เดือนห้าบุญสงกรานต์, เดือนหกบุญกลางบ้าน, เดือนแปดบุญเข้าพรรษา, เดือนเก้าบุญห่อข้าวสารทพวน, เดือนสิบเอ็ดตักบาตรเทโว, เดือนสิบสองใส่กระจาดเทศน์มหาชาติ

ทั้งได้บุญ ทั้งได้สนุกสนานกันเต็มอิ่มเลยเชียว

ชาวพวนนับถือศาสนาพุทธ และนับถือผีปู่ตากับผีบรรพบุรุษ โดยจะแยกหิ้งพระไว้คนละส่วน ในหมู่บ้านก็มีศาลผีปู่ตาทุกแห่ง โดยมากมักจะสร้างไว้ตามเนินสูง เช่น ตามโคกหรือจอมปลวกใหญ่ๆ สะดุดตา บางแห่งเรียกว่า "หอบ้าน" ก็มี!

ประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีอำปรากฏให้เห็น

"พวงแสด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีอำปรากฏให้เห็น

ดิฉันเชื่อว่าทุกๆ คนคงเคยโดนผีอำกันมาแล้วทั้งนั้น จริงไหมคะ?
ถึงแม้ผีอำจะไม่ใช่ผีหลอก แต่ต้องยอมรับว่าทรมานมากๆ เลย ใครโชคดีก็นานๆ เป็นครั้ง ถ้าใครโชคร้ายก็เป็นบ่อยๆ เดือดร้อนเป็นทุกข์มากค่ะ ใครที่ประสบกับตัวเองย่อมทราบดี

การที่เรานอนหลับสนิท จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของหนักๆ มาทับตัว โดยเฉพาะที่ทรวงอก ทำให้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
บางครั้งก็รู้สึกคล้ายกำลังจมน้ำ พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดเต็มที่ ทั้งกลัวทั้งโกรธ แต่คงกลัวมากกว่า ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บางทีก็คล้ายถูกมัดมือชก ลมหายใจใกล้จะขาดผึงอยู่รอมร่อแล้วละค่ะ...
เหมือนได้ผุดโพล่ง...โผล่ขึ้นเหนือน้ำได้สำเร็จ!

เหมือนสะบัดเชือกที่มองไม่เห็นจนขาดกระเด็น หลุดรอดจากความตายได้อย่างหวุดหวิด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาลืมตาโพลงหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างที่เขาว่าแทบจะพังออกมานอกอก เหงื่อกาฬเปียกชุ่มไปทั้งตัว!

ห้องอาถรรพณ์

"ชายเดี่ยว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในห้องเช่าซอยลอยมา

เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ผมได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด ไม่รู้แน่ว่าโดนผีหลอกหรือเปล่า? มันก้ำๆ กึ่งๆ ชอบกลครับ แต่ที่แน่ๆ ก็คือทำให้หวาดระแวง ขวัญเสีย ใจคอแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปหลายวัน

ขณะนั้นผมยังเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ชอบเที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนฝูงตามประสาชายโสด ไม่มีลูกเมียเป็นภาระให้ต้องรับผิดชอบ

เรื่องเที่ยวแบบเสเพลคงไม่ต้องเล่านะครับ คิดว่าย่อมจะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่...แต่ขอเล่าประสบการณ์น่าพิศวง ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่? รู้แต่ว่าทำให้ขนหัวลุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย

ผมมีแฟนหลายคน ส่วนมากจะเลิกกับคนเก่าแล้วมีคนใหม่ บางช่วงมีทีละ 2-3 คน แต่บางช่วงก็ไม่มีซักคนเดียว ผมก็เที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ ไม่มีอะไรเดือดร้อน

จนกระทั่งผมมีแฟนคนล่าสุดชื่อเกศ ทำงานแผนกต้อนรับในโรงแรมแถวสะพานควาย เป็นโรงแรมระดับสามดาวสำหรับต้อนรับนักเดินทางทั้งไทยและเทศ ไม่ใช่โรงแรมม่านรูดหรอกครับ

อ้างเห็นกระสือ บินเข้าห้อง นับพันแห่รอดู


ชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี นับพันคน แห่เฝ้ารอดู​ ดวงไฟประหลาด ที่เชื่อกันว่าคือผีกระสือ หลังมีคนอ้างเห็นตัวเป็น ๆ บินเข้าห้องนอน ก่อนหายวับไปกับตา...

จากกรณี เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีผู้พบเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ในพื้นที่บ้านดอนเนาว์ หมู่ 5 ต.ชลคราม อ.ดอนสัก จนทำให้มีชาวบ้านแตกตื่นเป็นข่าวลือว่าพบกระสือในพื้นที่ดังกล่าว โดยในแต่ละคืนจะมีชาวบ้านจาก 2 อำเภอคือ อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.ดอนสัก ร่วม 1,000 คน มาเฝ้ารอการเกิดขึ้นของดวงไฟดังกล่าว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 มิ.ย.53 เป็นต้นมา มีชาวบ้านในพื้นที่และจากพื้นที่ใกล้เคียง นับพันคน ต่างทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรอดูดวงไฟประหลาด

โดยต่างปักหลักยึดพื้นที่ ริมถนนสายกาญจนดิษฐ์-บ้านพอด และเขตรอยต่อ ต.ชลคราม อ.ดอนสัก บริเวณบ้านดอนเนาว์ เป็นจุดหลักในการรอชมดวงไฟดังกล่าว พร้อมมีการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ นาๆ

สแกนกรรม

รายการ ตีสิบ : สแกนกรรม สัมภาษณ์คุณเอ๋


ตอนที่1

ศพเชิงบันได

"มหาสอน" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากบ้านหมี่

เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ผ่านไปแล้ว หวังว่ายอดผู้บาดเจ็บและล้มตายจากอุบัติเหตุทางถนน คงจะลดน้อยกว่าเป้า 506 คนนะครับ...ไม่ต้องรวมทางน้ำกับทางรถไฟให้แสลงใจก็ได้...อย่างที่สั่งสอนกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั่นแหละ

"คนฉลาดต้องรู้จักแกล้งโง่" กับ "รู้ทั้งรู้ก็ทำเป็นไม่รู้" เป็นวิธีดีที่สุด

ยิ่งทำเป็นโกรธเกรี้ยว ดุดันว่ายอดคนเจ็บคนตายยังสูงอยู่ ถึงจะน้อยกว่าเป้าเถอะน่า ต่อไปต้องเข้มงวดทุกๆ ฝ่ายให้หนักขึ้นกว่าเดิมจน(แทบ) ไม่มีอุบัติเหตุ เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นแม้แต่รายเดียว...เหมือนกับต้องการให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แต่ทำไมถึงไม่ขึ้นก็ไม่ทราบ

ถ้าพูดจาได้ขนาดนี้ คนทั่วบ้านทั่วเมืองก็ต้องชมเชยกัน จนถึงสรรเสริญเยินยอทั้งนั้น รวมทั้งนิยมและยกย่อง เคารพบูชาเป็นเทพเจ้า จนถึงอยากให้เป็นท่านผู้นำประเทศไปตลอดกาลนาน...ก็ท่านเป็นพระนารายณ์มาปราบยุค(เข็ญ) นี่นา!

พูดถึงสงกรานต์แล้วก็นึกถึงถิ่นเกิดของผมที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

เมืองไทยเราส่วนมากเป็นสังคมเกษตรกรรมนะครับ เหมือนประเทศอื่นๆ ในย่านเอเชียอาคเนย์ สังคมอุตสาหกรรมมาคึกคักตูมตามเมื่อราว 20-30 ปีนี่เอง ผมเป็นเด็กสมัยก่อนที่ชาวบ้านยังเชื่อถือผีสางนางไม้ การทรงเจ้าเข้าผี โดยเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคนแล้ว

ผีหลอกที่วัดประชาระบือธรรม


View Larger Map

วัดประชาระบือธรรมหรือที่เรียกกันว่าวัดบางกระบือ เป็นวัดราษฏร์ที่มีความเก่าแก่วัดหนึ่งในแถบบางกระบือ เป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางของชาวบางกระบือทั้งปวง วัดนี้มีเจ้าอาวาสปกครองต่อกันมาหลายรูป และในอดีตหลวงปู่ปั้น วัดสะพานสูงก็เคยมาจำพรรษาอยู่ระยะหนึ่ง สมัยก่อนนั้นเล่าลือกันนักว่าผีดุโดยเฉพาะด้านหน้าพระอุโบสถที่มีความรกครึ้มมากกว่าที่อื่น ต่อมาความาเจริญมากขึ้นจึงมีการตัดถนนเข้ามาจากด้านถนนพระรามห้าเข้ามาทางด้านหน้าวัดโดยมีสะพานข้ามคลองเป็นตัวเชื่อมส่วนอีกเส้นหนึ่งนั้นมาจากทางด้านถนนสามเสนเรียกว่าซอยองครักษ์ เข้ามาทางด้านหลังวัด ด้านหน้าพระอุโบสถจึงกลายเป็นทางโค้งและมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มีผู้ไปทำศาลให้เพราะผีแถวนั้นดุมาก

แม้ในสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ผีก็ยังดุ เรื่องนี้หลานของท่านพล.อ.ท. ชู สิทธิโชติซึ่งมีบ้านพักอยู่หลังวัดประชาระบือธรรม ซึ่งเป็นผู้ทำงานกลับบ้านค่อนดึกทุกคืนต้องเดินเข้าบ้านทางด้านถนนพระรามห้าผ่านถนนเล็กๆซึ่งเป็นโค้งผีดุผ่านหน้าพระอุโบสถแล้ววกไปด้านหลังเขาเล่ากันว่าผีดุ แต่เขากลับเดินในตอนกลางดึกอย่างไม่ยี่หระเพราะเขาไม่เชื่อว่าผีกล้าหลอก

เปิดอาถรรพณ์วัง หม่อมถนัดศรีเผยมีจริง เวิลด์เทรดรื้อ 'กุฏ' ร.4

"หม่อมถนัดศรี" แฉเหตุแห่งอาถรรพ์วังเพ็ชรบูรณ์ ช่วงเริ่มก่อสร้างห้างเวิลด์เทรดมีการรื้อทำลาย "กุฏ" ที่นั่งสมาธิของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งต่อมาเป็นศาลพระภูมิเจ้าที่ปกปักรักษาวังเพ็ชรบูรณ์ เผยควรจารึกเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้

เรื่องราวอาถรรพ์บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา ที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายคนเสื้อแดงวางเพลิงจนได้รับความเสียหายพินาศย่อยยับ จนมีเสียงกล่าวขานถึงความเฮี้ยนของสถานที่อันเป็นที่สิงสถิตของเหล่าเทพเจ้าเทวดามากมาย มีคำสาปแช่งต่างๆ นานา อีกทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของวังเพ็ชรบูรณ์ ที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม เรื่องอาถรรพ์ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันอย่างชัดเจน มีแต่เพียงเรื่องเล่าเป็นตำนานที่ร่ำลือกันมาช้านานเท่านั้น

คุณไสยกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค


ตอนออกพรรษา หลวงพ่อสุ่นก็เรียกมาอบรมในการธุดงค์ บอกว่าถ้าจะให้ดีละก็ต้องออกธุดงค์กัน หลวงพ่อสุ่นสั่งหลวงพ่อปานว่า ให้เข้าป่าลึกเลยนะ แต่เวลาออกธุดงค์ท่านปล่อยเดี๋ยวเลย ท่านบอกว่าไม่ต้องกลัวหลงหรอก ถ้ากลัวหลงละให้นึกถึงฉัน บางครั้งท่านไม่รู้สึกว่าท่านจะไปทางไหน ท่านก็ทำใจให้สบาย ๆ นึกถึงหลวงพ่อสุ่น พอนึกเท่านั้นแหละ ท่านบอกเห็นหลวงพ่อสุ่นเดินนำหน้าไปเลย ถ้าถึงทางแยกหลวงพ่อสุ่นจะชี้ทางบอกแยกว่าไปทางโน้นทางนี้ เมื่อไปตามนั้นก็ได้ตามผลตามความประสงค์ นี่เล่าอย่างย่อ ๆ นะ
แต่ว่าวิธีการธุดงค์ของสมัยนั้นมันก็แปลก มีคนประเภทหนึ่งเขาชอบลองพระธุดงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านตะวันออกทางด้านนครนายก ปราจีนนี่น่ะสำคัญมาก แถวนั้นเขาเรียกว่ามีต้นมหาโพธิ์สำหรับพระไปไหว้ ไปตั้งใจกำหนดเอาพระพุทธเจ้าท่านทรงบรรลุที่ต้นมหาโพธิ์ต้นนี้ ถือเป็นเรื่องนึกกันขึ้นมา ไม่จริงจังหรอก แต่การนึกนี่เป็นการนึกดี นึกถึงพระพุทธเจ้า คิดว่าท่านบรรลุอภิเภกสัมมาสัมโพธิ์ญาณตรงนี้ ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ทีนี้บรรดาพระทั้งหลายก็นิยมกันว่าต้องไปที่ปราจีนบุรี ไปใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ดินแดนตะวันออกแดนหนึ่ง ของทางภาคอิสาน มีหมอไสยศาสตร์ ชอบลองพระ ใช้ยาเบื่อ ยาสั่ง ลองพระบ้าง ทำคุณไสยด้วยอำนาจจิตบ้าง เอาของเข้าท้อง อันนี้หลวงพ่อปานก็เคยโดนมา

เจ้าของคอนโดฯ


"จารุนันท์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคอนโดฯ ย่านประตูน้ำ

ดิฉันกับครอบครัวเพิ่งย้ายจากต่างจังหวัด เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วนี่เอง สาเหตุที่ย้ายก็เพราะหน้าที่การงานของสามีค่ะ ลูกสาวอายุ 8 ขวบ กับลูกชาย 5 ขวบก็ตามมาด้วย มาหาโรงเรียนใหม่ ได้เพื่อนใหม่ๆ พวกแกปรับตัวง่ายๆ ไม่ลำบากอะไรเลย

ครอบครัวเราโชคดีได้เช่าคอนโดฯ อยู่แถวประตูน้ำนี่เอง

นอกจากราคาจะไม่แพงแล้ว ห้องก็สวยงามน่าอยู่ น่าสบาย ไม่เก่า มีห้องรับแขก ห้องครัวเล็กๆ กับสามห้องนอนแน่ะค่ะ ที่สำคัญคือใกล้ที่ทำงานของสามีและใกล้โรงเรียนของลูกๆ

ดิฉันเองเป็นแม่บ้านเต็มตัว ใช้เวลาว่างทำขนมคุกกี้ไปฝากคนรู้จักขายตอนเช้าตอนบ่ายก็ไปรับไปส่งลูกๆ พอถึงสุดสัปดาห์ ถ้าว่างก็จะพากันกลับไปเยี่ยมบ้านของเราที่ต่างจังหวัด

ไม่มีที่ใดจะสุขเหมือนบ้านเราจริงๆ นะคะ!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกนี้หรือเปล่า ที่ทำให้พวกเรา พ่อ แม่ ลูก รู้สึกแปลกๆ เมื่อเข้ามาอยู่ในคอนโดฯ นี้ใหม่ๆ ดิฉันบอกว่าคงเป็นเพราะแปลกที่น่ะ แต่ลึกๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีอะไรพิกลๆ

อย่างแรกก็คือ เราต่างรู้สึกว่ามีใครมองเราอยู่เกือบตลอดเวลา...บางทีสามีถึงกับลุกจากโต๊ะกินข้าวไปดูตามซอกหลืบของบ้าน ว่าจะมีใครเข้ามาแอบอยู่หรือเปล่า?

ยิ่งอยู่นานมันก็ชักจะหนักข้อเข้าทุกวัน!

สัมภเวสี

สัมภเวสี เป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นหลักยืนยันว่า คนเราตายแล้วเกิดใหม่จริง แต่มีชาวพุทธจำนวนไม่น้อย ไม่เข้าใจสภาพอันแท้จริงของสัมภเวสี และยังมีความเข้าใจแตกต่างกันในกลุ่มชาวพุทธบางนิกาย ฉะนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเรื่องหนึ่ง เพราะเกิดขึ้นกับทุกชีวิต
สัมภเวสี หมายถึงสัตว์โลกที่ยังแสวงหาที่เกิด คือยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยใหญ่อยู่ เมื่อยังไม่สำเร็จพระอรหันต์ตราบใด ก็ยังเป็นสัมภเวสีอยู่ตราบนั้น แต่สัมภเวสีนี้ ยังมีชาวพุทธอยู่จำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า ได้แก่สัตว์ที่ยังท่องเที่ยวแสวงหาที่เกิดอยู่ คือ ยังไม่ทันเกิดในภพใดภพหนึ่ง หลังจากที่ตายไปแล้ว โดยเฉพาะชาวพุทธฝ่ายมหายานบางนิกาย เชื่อว่าผู้ที่ตายแล้วจะต้องอยู่ในอันตรภพ (ระหว่างภพ) เป็นเวลา ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ๑ เดือนบ้าง เพื่อรอคอยปฏิสนธิ จึงจะไปเกิดในกำเนิดทั้ง ๔ กำเนิดใดกำเนิดหนึ่งได้ สัตว์ที่อยู่ในอันตรภพนี้ คือสัมภเวสี เพราะยังแสวงหาภพที่เกิดอยู่ ความเชื่อเรื่องอันตรภพนี้ก็ยังมีอยู่ แม้ในหมู่ชาวพุทธไทยบางท่าน ทั้งนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนามหายานนิกายมนตรยาน ซึ่งเคยรุ่งเรืองอยู่ในประเทศไทย ในระหว่างพุทธศตวาาษที่ ๑๒ ถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๗
แต่ตามหลักความจริงในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทแล้ว สัตว์ที่อยู่ในอันตรภพนี้ไม่มีเลย เพราะเมื่อความตายบังเกิดขึ้น จิตเคลื่อนไปปฏิสนธิจิตก็ปรากฏในทันที

ยังไม่ถึงเวลาตาย



เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านของผม มันอาจฟังดูเหลือเชื่อสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับบางคนแล้วผมว่าต้องมีใครซักคนที่เคยประสบพบเจอเหตุพิศดารนี้มาบ้างแล้วโดยเฉพาะผู้ที่รอดตายมาอย่างไม่คิดว่าจะรอด....
เมื่อ 3 วันก่อนผมรู้สึกใจหายแบบไม่คิดไม่นึกมาก่อน เพราะยายข้างบ้านมาบอกให้ผมรู้ด้วยอาการเศร้าเสียใจว่าไอ้เอกเพื่อนซี้สุดที่รักของผมมันตายอย่างกระทันหัน และที่น่าแปลกก็คือการตายของมัน คือนอนอยู่ดีๆเหมือนคนปกติแต่บังเอิญไม่ตื่นเลย(ไหลตาย)
ผมเสียใจมากไม่เคยนึกเคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้น เพิ่งเห็นหน้ากันอยู่หลักๆเมื่อวานมาวันนี้มันมาตายเอาง่ายๆ ศพมันนนอนอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่ร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร ผมเลยขอดูหน้ามันเป็นครั้งสุดท้ายเลยไปเปิดผ้าที่คลุมหน้ามันออก ตอนนนั้นผมพูดไม่ออกเลย ดูหน้ามันเหมือนกับจะบอกว่าตัวมันเองยังไม่อยากตายตอนนนี้ ผมตัดใจหันหลังจากมัน แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดมาได้

คาเฟ่สยองขวัญ

"มดตะนอย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคาเฟ่

สมัยหนุ่มๆ ผมได้ชื่อว่าเป็นนักเที่ยวตัวยงคนหนึ่ง ไม่ว่าไนต์คลับหรือคาเฟ่แห่งไหนเป็นลุยมาเกือบทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านฝั่งธนบุรี...แถวปิ่นเกล้า บางพลัด ไปยันบางอ้อนี่ถือว่าเป็นถิ่นของผมเชียวละ

คาเฟ่เป็นแหล่งโปรดของผมกับเพื่อนๆ มากที่สุด!

ไม่ว่าระดับใหญ่ๆ แถวบางพระ หรือระดับรองๆ ลงมาแถวปิ่นเกล้า แต่มีคาเฟ่มากมายหลายสิบแห่ง มีนักร้องสวยๆ นิสัยดี คือว่าก็นอน...สอนก็ง่ายน่ะครับ แฮ่ะๆ แถมมีโชว์เจ๋งๆ ทุกคืนอีกต่างหาก นักเที่ยวแห่ไปอุดหนุนกันแน่นตึม เพราะติดนักร้องน้องรักจนแทบจะฆ่าแกงกันก็มี

ส่วนมากติดนักร้องสวยๆ ส่วนน้อยติดเด็กเสิร์ฟสาววัยรุ่น ตาใส ท่าทางอ่อนโลก เชื่อคนง่าย เพิ่งจะมาทำงานได้ไม่นาน ใครทิปดี พูดเก่ง ชวนเธอพูดคุยโดยไม่แยแสนักร้อง..ไปเที่ยวซัก 2-3 ครั้งอาจจะชวนออกมากินข้าวต้มตอนคาเฟ่เลิกก็เป็นได้

นักเที่ยวที่คิดว่าตัวเองรุ่นเก๋า จะไม่ยอมจีบเด็กเสิร์ฟ อ้างว่าเสียศักดิ์ศรี...ต้องจีบนักร้องให้ได้ถึงจะเจ๋งที่สุด!

เรื่องนี้น่าเห็นใจนะครับ อกเขาอกเรา! เพราะที่หน้าคาเฟ่จะติดรูปนักร้องสวยๆ เอาไว้เรียกแขก ใครสนใจอยากเห็นตัวจริงว่าจะสวยใส บาดตาบาดใจเหมือนในรูปหรือเปล่าก็ต้องแวะเข้าไปดูให้รู้แจ้งเห็นจริง

ผู้ชายท้ายรถ

"กระต่าย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากก้นซอยที่บางแค

บ้านดิฉันอยู่แถวบางแคค่ะ ในชุมชนที่แม้จะเป็นชานเมืองก็ไม่ถึงกับเปล่าเปลี่ยวนัก แต่ต้องยอมรับว่า ยิ่งเจริญมากเท่าไหร่ อันตรายจากโจรผู้ร้ายก็ยิ่งมากมายขึ้นเท่านั้น คิดว่าท่านผู้อ่านย่อมทราบดีอยู่แล้ว

ซอยบ้านดิฉันอาจจะน่ากลัวอยู่บ้าง คือบ้านค่อนข้างจะเข้าไปลึก นอกจากเลี้ยวลดคดเคี้ยวแล้วยังมีซอยแยกออกไปมากมาย เราไม่รู้หรอกค่ะว่าจะมีอันตรายมาซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง? มากน้อยขนาดไหน?

อันตรายที่พูดถึงมีมาสารพัดรูปแบบละค่ะ! ทั้งรถที่แล่นเร็ว ไม่ค่อยยอมชะลอดูซ้ายดูขวา ไหนจะพวกติดยา พวกตัดช่องย่องเบา พวกผู้ร้ายที่คอยดักปล้นจี้!

จริงอยู่ที่ไม่มีให้เห็นบ่อย แต่ก็เคยมีคดีนานทีปีละ 3-4 หน ส่วนมากจะร้ายๆ ทั้งนั้น

สิ่งที่ดิฉันกลัวคือ เมื่อใดที่เราประมาท เผลอตัว เราอาจกลายเป็นเหยื่อได้ งานดิฉันก็ต้องเสี่ยงเสียด้วยซิคะ คือว่าทุกๆ วันแต่เช้า ดิฉันจะไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านหลังหนึ่ง อยู่ห่างไปราว 300 เมตร แต่แหม...จากบ้านดิฉันน่ะมันหลายเลี้ยวเชียวละค่ะ บอกตรงๆ ว่ากลัว

ดิฉันไม่ค่อยกล้าเดินไปคนเดียวหรอก สามีต้องขี่จักรยานไปส่ง ตอนค่ำๆ ราว 2 ทุ่มสามีก็ขี่จักรยานไปรับ ค่อยยังชั่วหน่อย

วิญญาณแห่งหอคอยแห่งลอนดอน

หอคอยแห่งลอนดอน
หอคอยแห่งลอนดอนเคยเป็นทั้ง วัง ป้อมปราการ คุกและลานประห
ในอังกฤษนี่ มีสถานที่หลายแห่งที่ว่ากันว่ามีคนเคยเห็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วมาหลอก หลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามโบราณสถานสำคัญ ๆ เช่นป้อม วัง หรือหอคอยโบราณ Tower of London หรือ หอคอยแห่งลอนดอน เป็นอีกที่หนึ่งที่ร่ำลือกันว่า "ผีดุ"
หอคอยแห่งลอนดอนสร้างมาเกือบพันปี แล้ว เป็นโบราณสถานที่มีประวัติเกี่ยวข้องโดยตรงกับการขึ้นครองราชย์ การแย่งชิงราชบัลลังก์และการสร้างชาติของอังกฤษ ที่นี่เคยใช้เป็นทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังนักโทษและเป็นลานประหาร
ผีที่ร่ำลือกันและมีคนกล่าวอ้างว่ามาปรากฎร่างให้เห็น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องมาจบชีวิตในป้อมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จากไปแบบ "ตายโหง"
ความ ที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีประวัติที่ชวนให้ขนลุกและน่าสยดสยองพ่วงเข้าไปด้วย

โรงงานผีสิง

"หมวย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อทำงานกะกลางคืน

ถ้ามีใครถามว่ากลัวผีไหม? หนูเป็นคนหนึ่งละค่ะที่ยอมรับว่ากลัวผีมากๆ เลย เพราะขึ้นชื่อว่าผีซะอย่างใครคะจะไม่กลัว ขนาดพวกผู้ชายในรายการบิ๊กบราเธอร์ หนูยังเห็นเขากลัวผีกัน กลับเพื่อนจะมาแกล้งหลอก ร้อง "จั๊บตัว!!" จนคนดูขำกลิ้งไปเลย

ถามว่าทำไมคนถึงกลัวผี?

โธ่..ผีไม่ใช่คนนะคะจะได้พูดกันรู้เรื่อง แล้วผีจะแอบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จะโผล่มาหลอกตอนไหนก็ได้ ยิ่งเวลากลางคืนด้วยแล้ว แหม...ทั้งความมืด ความวิเวกวังเวง ได้ยินอะไรก็สะดุ้งโหยง เห็นอะไรวูบวาบก็ใจเต้นตึ๊กๆ มือเย็นเท้าเย็นเลยค่ะ

หนูว่าคนถามคงกลัวผีมั่กๆ แต่แกล้งถามเหมือนตัวเองไม่กลัวผีซะงั้น!

สาเหตุจริงๆ ที่หนูกลัวผีจัด เพราะตัวเองเคยถูกผีหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน ยอมรับว่ากลัวมากค่ะ ต้นคอกับแผ่นหลังเย็นเยือก รู้สึกผมตั้งชันไปหมด ขนลุกซู่ซ่าจนเป็นผื่นขึ้นตามท่อนแขน ตัวอ่อนปวกเปียก ใจสั่นหวิวแทบจะเป็นลมแน่ะ

นี่ขนาดอยู่ด้วยกันหลายคนนะคะเนี่ย แหม! ถ้าอยู่คนเดียวแล้วโดนผีหลอก หนูคิดว่าตัวเองคงจะขาดใจตายไปแล้วแน่ๆ เลย

ผีผ่าตัดในยุโรป


จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง วิญญาณของศัลยแพทย์ที่ตายไปแล้วเมื่อ ๖๙ ปีก่อน ได้กลับมาสิงในร่างของหมอคนหนึ่งที่ประเทศบราซิล ช่วยผ่าตัดรักษาคนไข้ฟรีๆ
เป็นเรื่องวิญญาณของศัลยแพทย์คนหนึ่งที่ตายไปแล้ว ๖๙ ปีก่อน แต่ยังคงปรารถนาจะรับใช้ประชาชน ด้วยการเข้าสิงร่างของหมอคนหนึ่ง แล้วทำการผ่าตัดรักษาคนไข้

หมอคนที่ว่านี้ชื่อ ดร. อดอล์ฟฟริตซ์ เป็นศัลยแพทย์ชาวเยอรมัน ซึ่งมีความสามารถในการผ่าตัดอย่างสูง แต่ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๔๕๗ ที่เอสโทเนีย ในยุโรป

ตอนแรกวิญญาณของหมอฟริตซ์ ได้เข้าสิงในร่างของชาวนาบราซิลคนหนึ่งชื่อ โฮ่เซ่ เดอ ไฟรตัส เมื่อปี ๒๔๙๓ ทำให้นายไฟรตัสแปรสภาพจากชาวนาธรรมดาๆ เป็นหมอที่สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์ แต่นายไฟรตัสก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อปี ๒๕๑๔
มาบัดนี้ วิญญาณของหมอฟริตซ์ ได้เข้าไปสิงอยู่ในร่างของ ดร. เอ็ด สัน เออ ไควโรซ แห่งโรงพยาบาลเมือง เรซิเฟ่ ประเทศบราซิล

เจ้าป่าเจ้าเขาคืออะไร

ผีย่อมมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลก ไม่ว่าจะเป็นตามบ้านเรือนทุ่งหญ้าป่าเ ขาในห้วยหนองคลองบึง สำหรับเจ้าป่าเจ้าเขานั้นถือว่าเป็นผีระดับหัวหน้าหรือผีที่เป็นใหญ่กว่าผีป่าผีดงทั้งหมด เหมือนกับผีตามป่าช้าวัดต่างๆ ก็ต้องมีผีนายป่าช้ าเป็นหัวหน้า ผีที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาก็มีเจ้าป่าเจ้าเขา (เป็นผู้ดูแลควบคุม มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พระพนัสบดี" แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งป่า) ซึ่งน่าจะมีทั้งเพศ หญิงและเพศชายเหมือนมีเจ้าพ่อก็ต้องมีเจ้าแม่อะไรทำนองนี้

ประวัติความเป็นมา
ไม่มีข้อมูลอะไรให้ค้นคว้ามากนักสำหรับเจ้าป่าเจ้าเขา แต่น่าจะพอเชื่อได้ว่าบรร ดาผีป่าผีเขาทั้งปวง เมื่อรวมกันอยู่เป็นหมู่มาก ก็ย่อมต้องมีการคัดเลือกหัวหน้าหรือผู้ควบคุมความสงบเรียบร้อยเพื่อความเป็นระเบียบ คล้ายๆกับสังคมของคน เ พราะว่าผีส่วนใหญ่นั้นแต่เดิมส่วนใหญ่ก็เคยเป็นคนมาก่อน (ใส่คำว่า "ส่วนใหญ่" ไว้กันเหนียว เผื่อว่ามีผีบางตัวบางประเภทจู่ๆ ก็เกิดเป็นผีเลย โดยไม่ผ่านกา รเคยเป็นคนมาก่อน) ดังนั้นย่อมต้องนำวิธีการปกครองของสังคมมนุษย์ไปใช้บ้างไม่มากก็น้อย

อิทธิฤทธิ์ของเจ้าป่าเจ้าเขา
เจ้าป่าเจ้าเขานั้นสามารถให้คุณให้โทษกับผู้ที่ล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตแห่งป่าได้ ฉะนั้นเวลาไปเที่ยวป่าพรานผู้นำทางหรือท่านผู้รู้ มักจะเตือนไม่ให้ทำอะไรเป็น การดูหมิ่นดูแคลนและให้ความเคารพเจ้าป่าเจ้าเขาซึ่งเปรียบเสมือนเจ้าของสถานที่ เช่น หากมีความจำเป็นจะต้องตัดไม้มาใช้ทำประโยชน์ก็ต้องบอกกล่าวเล่าสิ บเอ่ยปากขอต่อเจ้าป่าเจ้าเขาซะก่อน ยิ่งถ้าเป็นการตัดต้นไม้ใหญ่ๆ ที่มีอายุยืนล่ะก็ ต้องทำพิธีใหญ่กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะต้องบอกกล่าวขออนุญาตจากเ จ้าป่าเจ้าเขาแล้ว ยังต้องบอกบรรดานางไม้หรือรุกขเทวดาให้ทราบเพื่อท่านจะได้อพยพย้ายไปหาที่สร้างวิมานใหม่ขืนไปทำอะไรส่งเดชตัดไม้ล่าสัตว์ตามอำเภ อใจอาจเจออาถรรพณ์ถึงขนาดหลงทางกลับออกมาจากป่าไม่ได้ หรือโดนภูติผีปีศาจบริวารของเจ้าป่าหลอกหลอน ทำให้เจ้าป่วยจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้ ตอนเข้าป่ าถ้าเกิดอยากจะ "ยิงกระต่าย " "หรือเก็บดอกไม้" ก็อย่าลืมยกมือไหว้ขอขมาลาโทษเจ้าป่าเจ้าเขาซะก่อนค่อยทำธุระส่วนตัวแล้วก็ต้องไม่ลืมมองซ้ายขวาหน้าหลังด้วย เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน

เครื่องเซ่นสังเวย
ตอนเดินป่า เมื่อเวลาหยุดพักรับประทานอาหาร จะต้องแบ่งอาหารส่วนหนึ่งใส่ใบไม้ถวายเจ้าป่าเจ้าเขาและบรรดาผีป่าผีดงทั้งหลาย เป็นการแสดงความคารวะต ามประสาผู้มาเยือนที่ดี และช่วยให้เกิดความรู้สึกสบายใจเพราะได้กระทำถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว มิได้ละเมิดหรือดูหมิ่นดูแคลนแต่อย่างใด หากมีอ ะไรผิดพลาดพลั้งไปบ้างเจ้าป่าเจ้าเขาท่านก็คงให้อภัยสำหรับผู้ที่มีความอ่อนน้อมและรู้กาละเทศะนอกจากนี้ หากมีการล่าสัตว์ พรานอาจจะตัดเนื้อสัตว์ที่ล่าได้ส่ วนหนึ่งวางไว้ในที่อันควรเพื่อเป็นการถวายแต่เจ้าป่าเจ้าเขาพรานสมัยก่อนจะล่าสัตว์และตัดไม้เท่าที่มีความจำเป็นสำหรับเลี้ยงชีพเท่านั้น ไม่ใช่ตัด***นไปหมด ทั้งป่าหรือล่าจนสัตว์สูญพันธุ์เหมือนทุกวันนี้ สงสัยเจ้าป่าในปัจจุบันไม่ค่อยจะเฮี้ยนหรือเอาจริงเอาจังเหมือนเจ้าป่าในยุคก่อน

สยองขวัญ ตอนสามทุ่ม


สมัยก่อนผมเป็นเด็กวัดอยู่ที่สุราษฎร์ธานี พ่อแม่ผมฐานะยากจนครับ แถมลูกดกเป็นนิ้วมืออีกต่างหาก ผมเป็นลูกชายคนโต พี่สาว 2 คน น้องชาย 2 คน จนพ่อแม่เหนื่อยใจเต็มที

พอดีหลวงตาเอี่ยม - น้าของแม่เป็นบวชพระมาเกือบ 20 พรรษาแล้วพอจะรู้ๆ ปัญหาก็เลยชวนผมมาอยู่ที่วัดซะเลย

อย่าให้ออกชื่อวัดเลยนะครับ บอกแค่อยู่แถวๆหน้าสถานีรถไฟก็แล้วกัน

ถึงจะอารามบอย กินข้าวก้นบาตร ตอนเช้าๆก็หิ้วปิ่นโตตามหลวงตาเอี่ยมที่ออกบิณฑบาต กลับมาก็อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน...ถือว่าได้กินอิ่มนอนหลับ กับได้ศึกษาเล่าเรียนด้วย จะเอายังไงอีกล่ะ?

ตอนเย็นๆก็ได้เวลาสนุกสนานกับเพื่อนฝูง เล่นไล่จับ ซ่อนแอบ ล้อต๊อกทอยกอง โยนห่วงหนักยางกันครืนไป

ที่ข้างกำแพงวัดมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม มีทั้งผ้าเขียวผ้าแดงพันครึ่ด เก่าแก่จนขาดก็มี กลางเก่ากลางใหม่ก็มี ประเภทใหม่เอี่ยมกก็ไม่ใช่น้อย ชาวบ้านนับถือกันมากน่ะครับ

เจ้าที่-เจ้าทาง

"วิมาลา" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อโดนผีหลอกในบ้านตัวเอง
ดิฉันมีเรื่องแปลกประหลาดเกี่ยวกับผี คิดว่าแตกต่างกับเรื่องผีอื่นๆ อยู่พอสมควร คือผีหลอกในบ้านตัวเองค่ะ ไม่ใช่ในบ้านเช่าหรือหอพัก ห้องเช่าต่างๆ นะคะ เพราะในสถานที่เหล่านี้ย่อมมีเหตุการณ์ร้ายๆ ค่อนข้างน่ากลัวเกิดขึ้น ทั้งการโดนฆ่าบ้าง าตัวตายบ้าง หรือไม่ก็เจ็บป่วยล้มตายบ้าง ดีไม่ดีเป็นฆาตกรรมอำพรางก็มี

แน่ละค่ะว่าเราไม่ทราบมาก่อน เมื่อไปเช่าอยู่ทีหลังอาจประสบเหตุการณ์สยอง น่าขนหัวลุกได้ง่ายๆ แต่นี่เป็นบ้านของเราเองแท้ๆ นะคะ

มีญาติมิตรเล่าว่า โดนผีหลอกหลายคนในบ้าน มองในแง่ดีก็ว่าเป็นผีบ้านผีเรือนที่คุ้มครองลูกหลาน มองในแง่ร้ายก็ว่าเป็นวิญญาณพเนจรมาสิงสู่ ต้องการเครื่องเซ่น หลอกหลอนให้ขนหัวลุกหวาดกลัวไปตามๆ กัน

สถาบันวิจัยเวียดนามถ่ายรูป"ผี" ไว้นับพัน


ภาพถ่ายจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในนครหายฟ่อง (Hai Phong) ปรากฎเป็นรูปให้เห็นเหมือนคนกำลังหิ้วศรีษะของตัวเอง ส่วนข้างหลังเป็นภาพ "คน" ที่กำลังนั่งกินดื่มกัน โดยไม่ได้ตระหนักว่า ตรงจุดนั้นเคยมีคนเสียชีวิต

ศูนย์วิจัยศักยภาพมนุษย์ (Research Centre of Human Potentials) ในกรุงฮานอยได้เผยแพร่ภาพ พร้อมเรื่องราวที่ระบุว่าเป็น ภาพ "ผี" ที่ถ่ายเอาไว้ ในการวิจัยเรื่องเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ทั้งเรียกร้องให้วงการวิทยาศาสตร์ของประเทศ หันมาศึกษาอย่างเป็นระบบ

ภาพปริศนา ในงานศพยอดรัก

เรื่องจริงผ่านจอ

เจ้าที่ ณ ช่องบก จ.สุรินทร์


ปี 2523 ผมรับราชการเป็นทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) สังกัด กองร้อยทหารช่างสนามที่ 2 กองพันทหารช่างที่ 52 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็น นขต.กองทัพภาคที่ 1 จัดเป็นทหารช่างระดับเกรด เอ.ของกรมการทหารช่างเลยทีเดียว...เมื่อฝึกเสร็จก็ถูกส่งไปทำงานที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สมัยนั้นกำลังสร้างถนนยุทธศาสตร์เลียบชายแดนระหว่าง อ.โป่งน้ำร้อน - อรัญประเทศ ซึ่งในตอนอยู่ชายแดนนั้น ก็ทำหน้าที่สร้างทาง กรุยทางด้วยแทร็กเตอร์ D8 เกรดให้เรียบลงลูกรังแล้วบดอัดให้แน่น ก็กลายเป็นถนนชั้นดีที่สามารถลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์หนักเบาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผมจองขาดอยู่หน้าที่เดียว คือหน่วยระวังป้องกัน ทำหน้าที่คุ้มกันให้กับหน่วยก่อสร้าง พวกเพื่อน ๆ และชั้นประทวนตั้งฉายาผมว่า ราวแขวนปืน เพราะไม่ว่าใครจะมีงานที่ต้องทำ 2 มือ หรือเหนื่อยล้าจากการทำงานมา เป็นต้องมาหมดแรงตรงหน้าผมทุกที....แล้วก็พูดว่า..

แพซุงหน้าโรงเลื่อย


สมัยหนุ่มๆ ผมเคยอยู่ในตรอกโอ่ง เชิงสะพานพิบูลสงคราม มีบ้านเรือนคับคั่ง แต่ด้านหลังเป็นสวนเปลี่ยว เจ้าของสวนมักปลูกบ้านอยู่ริมคลองบางซื่อ ตรงข้ามกับกรม ปตอ. คดเคี้ยวไปถึงตลาดสะพานสูงโน่น

ผมกับเพื่อนๆ ชอบข้ามถนนไปเที่ยวฝั่งตรงข้าม ตอนนั้นเรียกว่าตรอกบันไดหิน เพราะสูงชันจนรถเข้าไม่ได้ ต้องลงบันไดหินราว 3-4 ขั้นลงไปถึงทางเดินแคบๆ มีบ้านช่องเรียงรายทั้งสองฟาก พอถึงกลางซอยก็เป็นต้นโพธิ์ใหญ่ ด้านซ้ายมีบ้านใหญ่ๆ หลายหลัง ด้านขวาเป็นสวนรกร้างน่าวังเวงใจแม้แต่ในตอนกลางวัน

สุดซอยเป็นเขตของโรงเลื่อยซุง กับเลี้ยวขวาขึ้นสะพานโค้งไปฝั่งวัดแก้วฟ้า ตรอกนี้ได้ตั้งชื่อเป็นทางการว่า "ซอยศรีบางซื่อ" ในเวลาต่อมาจนถึงบัดนี้

เพื่อนที่ปากคลองมีหลายคน แต่สนิทกันมากคือเจ้าอ๊อด ผิวดำ ร่างเตี้ยเป็นมะขามข้อเดียว อารมณ์ดี นิสัยขี้เล่น ชอบยิ้มฟันขาวอยู่เป็นประจำ เพิ่งได้งานทำเป็นลูกจ้างที่กรมชลประทาน ใกล้ๆ กับศรีย่าน

พัทยา ห้อง 505



เรื่องนี้ได้เกิดมา ประมาณปี 2548 ผมและเพื่อนจะมีวันลืมเรื่องนี้อีกเลย ผมและเพื่อนผม มีเพื่อนผู้ชายอยู่ 5 คน เพื่อนผู้ ญ อีก 2 คน ช่วงนั้นเราจัด party ไปพักร้อยนกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นโรงแรมค่อนค้างที่จะเต็ม เพราะฉนั้นเราจึงได้พักที่guest houseแห่งหนึ่งที่พัทยาเหนือ อยู่เลียบชายหาด จอมเทียน ถ้าจำไม่ผิดน่ะคับ ตอนแรกเราจอง3ห้อง ห้องแรกผมกับแฟนผมพัก ห้อง 502 ส่วนเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนพักอยู่ห้อง 504 ส่วนอีกคู่นึงคู่นี้ก็เป็นแฟนกัน พักอยู่ห้อง 505 และนี้คือห้องที่เกิดเหตุการณ์ที่เรากำลังจะเล่าดังต่อไปนี้

ในช่วงกลางวันนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตกกลางคืนต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน แต่แฟนของผม ได้คิดแผนการที่จะแกล้งคู่อีกนึงที่อยู่ห้อง 505 ช่วงนั้นเวลา ประมาณเกือบ เที่ยงคืน แฟนของผมเลยโทรไปที่ ห้อง504 เพื่อที่จะตกลงกันว่า เราจะแกล้งคู่ที่นอนอยู่คือห้อง 505 โดย ผมและแฟนผมเตรียมกับเพื่อยผู้ชายอีก สามคนที่อยู่ห้อง 504 เพื่อที่จะไปที่ห้อง 505 เพื่อที่จะไปเล่าเรื่องผีที่ห้อง 505 เพราะเพื่อนผมที่นอนอยู๋เป็นคนกลัวเรื่องนี้มาก หลังจากที่เข้าไปในห้องนั้น เราก็ไปตั้งวงเล่าเรื่องผีกัน

ขนหัวลุกเมื่อทำงานกะกลางคืน


"หลานสวย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อทำงานกะกลางคืน

หนูเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องผีมากๆ เลย เพราะตัวเองเคยถูกผีหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน ยอมรับว่ากลัวมากค่ะ มือเท้าเย็นไปหมด ขนลุกซู่ซ่าจนเป็นผื่นขึ้นตามท่อนแขน ขนาดอยู่ด้วยกันหลายคนนะเนี่ย แหม! ถ้าอยู่คนเดียวแล้วโดนผีหลอก หนูคิดว่าตัวเองคงจะขาดใจตายไปแล้วแน่ๆ เลย

เมื่อราว 2-3 ปีมาแล้ว หนูไปทำงานในโรงงานใกล้บ้านที่ปทุมธานี เขาผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างค่ะ คนงานมีหลายร้อยคน หนูอยากจะเล่ารายละเอียดของโรงงาน แต่กลัวว่าจะเกิดปัญหาเปล่าๆ เลยขอเล่าสั้นๆ ว่าถ้าทำงานกะกลางวันก็กลับไปนอนบ้าน ถ้าทำงานกะกลางคืนก็ถึงสว่างเลย ได้นอนพักช่วงสั้นๆ ระหว่างสองยามถึงตีหนึ่ง

ผลกรรมผู้หญิงแต่งกายไม่สำรวมเข้าวัด




ผู้หญิงเข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม


ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวมอวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหวต่อไปจะได้รับ
ผลกรรมอย่างไร...?

ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆ
มองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ

โดยความเป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเองเดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมีสมเพศตนถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่วทุกหัวระแหงก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่มประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรกทีเดียว

ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตนแล้ว
อะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้วไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว

ต้มปลาเป็นๆ เห็นกรรมทันตา

กรรมใดใครก่อ ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นคืนสนอง นี่เป็นกฎธรรมชาติที่ตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร จะร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กฎแห่งกรรมย่อมทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีข้อยกเว้นหรือลำเอียงใดๆ ทั้งสิ้น หลายครั้งหลายคราที่ผู้คนจำนวนไม่น้อย ทำกรรมลงไปอย่างไม่ยั้งคิดว่า สิ่งเหล่านั้นมันจะย้อนกลับมาหาตัว

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว ที่จังหวัดมหาสารคาม ในครอบครัวชาวนาที่มีลูกสาวเล็กๆ คนหนึ่งชื่อ ปภาวรินทร์ อายุ 9 ปี เด็กหญิงปภาวรินทร์ เป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน และเรียนหนังสือเก่ง ผู้คนทั่วไปจึงรักใคร่เมตตาเธอมาก

เป็นปกติธรรมดาของชาวนาที่เมื่อถึงหน้าฝนจะต้องออกไปจับปลามาเป็น อาหาร แม้ปภาวรินทร์จะอายุยังไม่มาก แต่เธอก็ได้เรียนรู้วิธีการจับปลาจากพ่อแม่บ้าง จากเพื่อนๆบ้าง ซึ่งทุกคนก็ล้วนแต่มีความชำนาญในการจับปลา

กรรมเก่า รายการตี10

ผลกรรมต่างๆ ของแต่ละคน
ตอนที่ 1


ตอนที่ 2


ตอนที่ 3

ครูแห-ครูอวน

กง ไกรลาศ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในวันทำพิธี "วักครู"

ไม่ว่าอาชีพใดๆ ก็ต้องมีครูบาอาจารย์ทั้งนั้น เช่นพวกนาฎศิลป์ ลิเก ละครหรือช่างแขนงต่างๆ ก็มีครูเช่นกัน ทั้งฤาษี, พระวิศนุกรรม และพระพิฆเณศ เป็นต้น

แม้แต่อาชีพชาวประมง หากุ้งหาปลาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ ก็ยังมีครูเลยครับ
ไม่ทราบว่าที่อื่นจะมีการไหว้ครูอย่างบ้านผมที่สุโขทัยหรือเปล่า พวกเราจะทำพิธีไหว้ "ครูแห-ครูอวน" เรียกกันว่า "วักครู" สันนิษฐานว่าคงมาจากคำว่า "เซ่นวัก" อย่างที่เราได้ยินกันทั่วๆ ไป

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องขนหัวลุกในวัน "วักครู" ให้ฟัง
สมัยเด็กๆ ผมอยู่ ต.กง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พ่อแม่มีอาชีพเป็นชาวประมง พวกเราอาศัยอยู่ในแพริมแม่น้ำยม โดยใช้ไม้บวบ (ไม้ไผ่) มาหนุนแพให้ลอยน้ำการมัดบวบนั้นใช้ไม้ไผ่ 50 ลำมามัด 1 มัดเท่ากับ 1 บวบ

ซอมบี้ผีในลัทธิวูดู

วูดูมีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของชนพื้นเมืองใน แอฟริกา ไล่ไปตั้งแต่แกมเบียไปจนถึงแองโกลานั่นแหละครับ ชาวพื้นเมืองเหล่านี้จะศรัทธาในตัวเทพเจ้าประจำท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ทำให้หมอผีและคนทรงพลอยมีหน้ามีตา โดนนับถือไปกับเขาด้วย ในฐานะสื่อกลางระหว่างเทพเจ้าและคนพื้นเมือง ทีนี้เรื่องมันเริ่มยุ่งขึ้นเมื่อถึงยุคล่าอาณานิคม หัวหน้าเผ่าของชนพื้นเมืองจำนวนมากได้ขายลูกเผ่าหรือเชลยศึก ไปเป็นทาสของชาวตะวันตก ในจำนวนทาสเหล่านี้ก็มีพ่อมดหมอผีติดไปด้วย นัยว่าเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจแก่เหล่าทาสพลัดถิ่นครับ ทำให้ความเชื่อและพิธีกรรมของวูดูแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของโลก โดยเฉพาะโลกใหม่ของโคลัมบัส ซึ่งนำเข้าทาสมากเป็นพิเศษ

พ่อหมดหมอผีแห่งลัทธิวูดู ไม่ได้มีอำนาจแก่กล้าด้วยตัวเองเหมือนหนังกำลังภายในหรอกครับ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากภูตผีและวิญญาณต่างๆ จึงจะสามารถสำแดงฤทธิ์เดชได้เต็มที่ ในหมู่เกาะอินดิสตะวันตกเองนั้น พลังของภูตผีในชุมชนของพวกทาสได้ก่อให้เกิด "เจ้า" อีกประเภทหนึ่งขึ้นมาใหม่ เรียกว่าโล(Loa)ครับ โลนี้สามารถคุ้มครอง ช่วยเหลือ ลงโทษ ตลอดไปจนกลั่นแกล้งมนุษย์ได้เช่นเดียวกับภูตผีปีศาจทั่วไป

ผีบังตา

ถ้าจะนับถึงตอนนี้ก็บรรจบครบปีพอดีเลยค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนส่งท้ายปีเก่า 2547 ต้อนรับปีใหม่ 2548

คุณคงจำได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนเศร้าเพราะเกิดสึนามิ พวกเราเศร้าจนแทบไม่นึกสนุกกับปีใหม่กันเลย แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อมันเป็นภัยธรรมชาติแสนโหดร้ายที่พวกเราไม่เคยประสบมาก่อน

เรา-คือพิมกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ว่า สอบกลางภาคเสร็จปลายเดือนธันวาคมแล้ว จะไปเคานต์ดาวน์ที่ชายหาดหัวหิน ท่ามกลางเสียงคลื่นและแสงพลุที่จะพุ่งขึ้นไป แตกเป็นดอกไม้ไฟระยิบระยับหลากสีตลอดแนวหาดทราย
พวกเราเตรียมการมาสองเดือนเต็มๆ ทั้งจองโรงแรม จองรถตู้ เราก็เลยเลื่อนไม่ได้ค่ะ

แว่นตาผี

ประสบการณ์พิศวง ทางช่อง 7

อย่านอนตรงนี้...



เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเองเมื่อวันที่31ธันวาคม พ.ศ. 2548
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนตั้งใจว่าจะไปตั้งแคมป์ในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่บ้านของพี่สาวแฟนผม เพราะก่อนหน้านั้นเคยไปดูที่ตั้งมากันแล้ว และผมก็ถูกใจที่ตรงนั้นมากๆ
เป็นพื้นที่ๆเคยเป็นป่าเก่าอยู่ติดริมคลอง แต่เมื่อทางหมู่บ้านทำการลอกคลอง ที่ตรงนั้นก็ราบเรียบไม่มีต้นไม้จึงเหมาะกับการตั้งเต๊นมาก บริเวณนั้นอยู่ห่างจากบ้านพี่สาวประมาณ20 เมตร ตอนแรกที่แม่ยายผมรู้ว่าผมจะกางเต๊นตรงนั้น ท่านก็เตือนผมบอกว่า "แม่อยู่ตรงนี้มาตั้งนานยังไม่เคยไปนอนที่ตรงนั้นเลยพวกลูกจะนอนกันจริงๆ เหรอ" แม่ยายพยายามเตือน แต่ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร ปกติผมจะเชื่อเรื่องนี้เอามากๆแต่คราวนี้กลับไม่เชื่อดื้อดึงจะนอนให้ได้แม่ ยายผมก็ไม่ว่าอะไร คืนนั้นประมาณ3ทุ่ม ผมกับหลานๆแฟนที่จะนอนแค้มป์ด้วยก็หอบสำภาระมาไว้ที่เต๊นกันก่อน เพราะว่าที่สนามกีฬาจังหวัดมีการเลี้ยงโต๊ะจีนและเค้าดาวปีใหม่กัน สักพักแฟนผมก็มาบอกๆว่า "รู้สึกไม่ค่อยดีเลย อย่านอนที่นี่เลย เข้าไปนอนในบ้านเหอะ" แต่ผลก็เป็นเช่นเคยผมกลับดื้อไม่ยอมกลับ แฟนผมรู้สึกแปลกใจแต่ไม่กล้าทักท้วง พอจัดของเสร็จเราก็ไปร่วมงานกัน

ดงพญาไฟ ประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

"ป้าผ่อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

สมัยก่อน ดิฉันเป็นเด็กอยู่ตลาดมวกเหล็ก สระบุรี ไข้มาลาเรียชุมมากค่ะ ชาวบ้านเรียกไข้ป่า มีคนเจ็บป่วยล้มตายมากๆ สมัยสงคราม เพราะขาดแคลนยาควินินที่ใช้ป้องกันและรักษา ป่าดิบดงดำที่นั่นจึงมีชื่อน่ากลัวว่า "ดงพญาไฟ"

ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" ก็ยังไม่วายมีคนตายด้วยไข้ป่าตามเดิม

เมื่อสงครามสงบ ความเจริญก็เริ่มต้นขึ้นช้าๆ เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน มีรถไฟเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น ที่ติดต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง

ถนนมิตรภาพยังไม่ได้สร้าง คนที่ต้องไปค้าขายหรือติดต่อเยี่ยมเยียน ไปมาหาสู่กันก็ต้องขึ้นรถไฟระยะสั้นๆ อย่าง หินลับ-ทับกวาง-ผาเสด็จ หรือไม่ก็ล่องไปสระบุรีบ้าง ขึ้นโคราชบ้าง

ไข้ป่ายังคร่าชีวิตคนไปบ่อยๆ เพราะยาควินินยังหายากและราคาแพง ชาวบ้านมักอาศัยหมอกลางบ้าน ใช้ยาหม้อบ้าง กินน้ำมนต์บ้าง เป็นไข้จับสั่นกันเสียส่วนมาก หน้าเหลืองตัวเหลืองกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกไปทำไร่ข้าวโพด และไร่น้อยหน่า มักจะหนีไข้ป่าไม่ค่อยพ้น

โอปปาติกะ กับรัชกาลที่ 6

เมื่อพูดถึง "ผี" หรือ "วิญญาณ" พวกเราชาวนอกรั้ววังคงอยากจะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผี" ในรั้ววังกันบ้าง ยายผีป่าจึงไปเสาะหาจากนิตยสารหญิงไทยมาให้อ่านค่ะ ขอนำเรื่องราวของ "โอปปาติกะ" ที่มาปรากฏให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 6 มาเล่าให้ฟัง...

เรื่อง นี้เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันหนึ่งมีงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันเกิด ท่านจอมพลเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมในสมัยนั้น ซึ่งล้นเกล้าฯรัชการที่ 6 ก็จะต้องไปในงานนี้ด้วย การแต่งพระองค์ในวันนั้นต้องทรงเครื่องยศทหารรักษาวัง เพียงครึ่งยศ เพราะเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิตเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารรักษาวัง และยังเป็นงานแบบสโมสรกลางแจ้ง

เรื่อง ผีกระสือ ใน มลายู



"นายนุ้ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเรื่องผีกระสือในมลายู

เมื่อเด็กๆ ผมอยู่ในมลายู(ปัจจุบันคือมาเลเซีย) ได้ฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่อง ผีๆ สางๆ หลายเรื่อง กระทั่งย้ายมาอยู่ในเมืองไทยแล้วจึงได้รู้ว่า คนในย่านนี้มีความเชื่อเรื่องผีคล้ายๆ กันแทบไม่น่าเชื่อ

คนไทยเชื่อว่าเสือสมิงมีจริง สาเหตุมาจากกินคนเข้าไปแล้วเกิดติดใจในเนื้อมนุษย์ คงจะติดใจจนจับกินหลายคน วิญญาณผู้ตายสิงอยู่นานๆ ก็แก่กล้าถึงขนาดทำให้เสือแปลงร่างเป็นคนได้ตามใจชอบ

ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้ชาย เด็กหรือคนแก่ (ที่เคยตกเป็นเหยื่อมาก่อน) เพื่อล่อหลอกให้เหยื่อรายใหม่ตายใจ ได้โอกาสก็ตะครุบกินอย่างง่ายดาย

ที่มลายูก็เชื่อเรื่องเสือสมิงแบบเดียวกับเมืองไทยนั่นแหละครับ มีพวกนายพรานกับพวกหาของป่า รวมทั้งพวกลูกหาบที่รอดตายกลับมาเล่าตรงกันว่าเคยพบเสือสมิงมาขบหัวคนไปกิน เห็นเป็นคนอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ คำรามโฮก ขย้ำคอหอยคนชะตาขาดตายคาที่

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม