ป้ายกำกับ

พระอาจารย์สิงห์ทอง เผชิญผีเปรต บ้านกุดเรือดำ


ขอย้อนกลับมาพูดเรื่องผีเปรตอีกครั้ง ในปีหนึ่งท่านได้ออกเที่ยววิเวกในหน้าแล้ง เมื่อท่านวิเวกไปถึงบ้านกุดเรือดำเป็นเวลาจวนจะมืด บ้านกุดเรือดำ ตำบลกุดเรือดำ อำเภอวานรนิวาส สกลนคร
ท่านเข้าไปในวัด พระเณรก็ต้อนรับ จัดสถานที่ให้พัก ท่านเล่าว่ากุฏิว่างก็มีอยู่หลายหลัง แต่จัดให้ท่านและท่านอาจารย์เพียรพักที่ศาลาปฏิบัติธรรม สังเกตดูพระเณรรวมกันอยู่กุฏิละหลายองค์ทั้ง ๆ ที่กุฏิว่างยังมี
เมื่อท่านสรงน้ำเสร็จท่านก็ครองผ้าไปกราบเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสชื่อพระอุปัชฌาย์เถื่อน ให้ท่านอาจารย์เพียรอยู่เฝ้าบริขาร ครั้นกราบท่านแล้วก็พูดคุยกันต่อ จนเป็นเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม ท่านจึงกลับมาที่พัก
แล้วก็ทำวัตร ไหว้พระ สวดมนต์ ยังไม่ทันถึงไหน ท่านได้ยินเสียงดังข้างนอก ก็อก แก๊ก ๆ นึกว่าหมามันจะมาคาบรองเท้าหนี เพราะเป็นรองเท้าหนัง ท่านจึงหยุดออกไปเก็บรองเท้าเข้ามาไว้ข้างใน แล้วไหว้พระต่อ

เป็นใจให้ทำแท้ง เจอเลยผลกรรม

คุณฟิลม์มีประสบการณ์เล่าให้ฟังว่า
น้องสาวท้องคนที่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนมีเหตุผล เราก็โมโหกับสื่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดลงความเห็นว่าไปทำแท้ง โดยฟิล์มเองก็ตัวดีเลย นึกถึงเวลานั้นมันบาปจัง ไม่แก้ตัวค่ะยอมรับว่าเป็นคนนึงที่สงเสริมให้น้องไป ผ่านมาสามปีแล้วค่ะ น้องมีลูกแล้วสองคน แต่ทำมาหากินไม่ขึ้นเลย โดนไปตามๆกัน ฟิล์มคิดว่า แค่เราบอกให้ทำไม่น่าจะเป็นเวรกรรมกับเค้าด้วย ป่าวเลยค่ะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีเค้าจะมาให้ผลตามเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ผ่านมาสามปี วันนั้นเป็นประจำเดือนค่ะแต่จะหมดแล้วฟิล์มกินยาถ่ายไปคืนนั้นแต่ดันไม่ถ่าย รอทั้งคืนไม่มีผลเลยหลับไป พอเช้ามาปวดท้องมากเหมือนจะถ่ายเลยรีบ วิ่งไปห้องน้ำ เหมือนปวดท้องถ่ายธรรมดา แต่วันนั้นมันไม่แค่นั้นค่ะ มันปวดมาก ฟิล์มต้องเอามือมาโกยพุงตรงท้องน้อย บริเวณที่ปวดประจำเดือน เหมือนมดลูกมันจะหลุดเลยค่ะ ร้องดังมากแต่ไม่มีใครอยู่บ้าน โอ่ยไม่เคยปวดเช่นนี้มาก่อน ทรมานสุดๆไม่รู้ผู้ที่เคยทำแท้งเจ็บอย่างไร เจ็บแบบเดียวกันไหม แต่ฟิล์มปวดมาก เวลาจะถ่ายมันจะไม่ออกแต่มดลูกมันดันแทน ฟิล์มนั่งกดท้องน้อยและสกัดไว้ คือมันคงไม่หลุดมาจริงๆแต่มันปวดแล้วเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ

วัยรุ่นออสซี่แห่ “ลองของ”

ดวงไฟประหลาดที่เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของนักบิดที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อน

วัยรุ่นออสเตรเลีย ลองของ ซิ่งรถ 111 ไมล์/ชม.กลางดึกหวังเจอ “ผีตายโหง”

เดลีเมล์ - ชาวบ้านในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของออสเตรเลียต่างเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกหลาน เมื่อมีการท้าให้วัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 111 ไมล์ต่อชั่วโมงกลางดึกบนถนนเปลี่ยว เพื่อรอดูการปรากฏของวิญญาณนักบิดที่เสียชีวิตบนถนนดังกล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วบันทึกภาพลงยูทิวบ์

จำนวนวัยรุ่นที่ชอบลองของมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนตำรวจท้องที่ต้องออกคำเตือน เพราะชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า หากคนที่สอบได้ใบขับขี่ใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า “พี-เพลตส์” (P-Plates) ลองขับมอร์เตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 111 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนน เลมอน ทรี ในเมืองนิวคาสเซิลยามค่ำคืน จะเห็นวิญญาณของนักบิดวัย 20 ปีที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตบนถนนแห่งนี้เมื่อปี 2007

ว่ากันว่า วิญญาณดังกล่าวจะปรากฏในรูปดวงไฟไล่ตามรถมอเตอร์ไซค์เพื่อให้พวกเขาลดความเร็วลง

โฆษกประจำอ่าว พอร์ต สตีเฟนส์ กล่าวว่า “มีเสียงร้องเรียนเข้ามามากว่าวัยรุ่นหลายคนออกไปขับมอเตอร์ไซค์กลางดึกเพื่อถ่ายภาพไปลงยูทิวบ์ เราจึงขอเตือนผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนดว่า แสงที่พวกเขาจะได้เห็นทางกระจกหลังก็คือแสงสีแดงและสีฟ้าจากรถตำรวจเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม คำเตือนดังกล่าวไม่ได้ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของวัยรุ่นและจำนวนวิดีโอที่ถูกนำมาลงยูทูปลดลง หลายคนที่ลองทำตามคำท้าและพบดวงไฟประหลาดต่างเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น จนถึงกับอุทานเป็นคำพูดที่ออกอากาศไม่ได้เลยทีเดียว

แม้จะมีความพยายามอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวผ่านเวบไซต์รวมเรื่องแปลก “อันเอ็กซ์เพลนด์ ออสเตรเลีย” แต่ก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่าดวงไฟดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเหตุใด

ในขณะที่นักซิ่งวัยโจ๋ต่างเชื่อในตำนานดังกล่าว การขับรถด้วยความเร็วสูงของพวกเขาก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์และกังวลกันไม่น้อย

นักท่องอินเทอร์เน็ตคนหนึ่งเขียนข้อความในกระดานสนทนาว่า “ไม่รู้หรอกนะว่ามีผีหรือเปล่า ไม่สนใจด้วย แต่ที่สนก็คือ ฉันกับลูกๆ ขับรถผ่านถนนเส้นนั้นเป็นประจำ และฉันไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องบาดเจ็บหรือตายเพราะพวกซิ่งมอเตอร์ไซค์”

นักบิดคนดังกล่าวเสียชีวิตเนื่องจากมอเตอร์ไซค์ของเขาพุ่งประสานงากับรถยนต์บนถนน เลมอน ทรี ในเมืองนิวคาสเซิล เมื่อปี 2007

จาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000115386

ตะเคียนที่ยะหริ่ง


บุหรง ตันหยงดาลอ เล่าเรื่องน่าขนหัวลุกจากตะเคียน "โต๊ะปียา"

ดิฉันเป็นคน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หนึ่งในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผู้ก่อการร้าย หรือจะเรียกว่าผู้สร้างสถานการณ์ก็ได้ค่ะ ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ต้นปี 2547 มาถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการ "ฆ่ารายวัน" จนแทบจะไม่เป็นอันทำมาหากินกันแล้วค่ะ

ท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโปรดค้นหาสาเหตุให้พบ เมื่อรู้แน่ว่าเกิดจากอะไรแล้วจะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ มีหวังต้องฆ่าแกงทุกวัน น่าอเนจอนาถไม่จบสิ้น

วันนี้มีเรื่องขนหัวลุกเล่าให้ฟังค่ะ

เมื่อเอ่ยถึงต้นตะเคียน เป็นอันรู้จักกันดีทุกภาค หรือทุกจังหวัดของประเทศไทยนะคะ ว่ามีนางตะเคียนสิงสู่ เรียกว่า "ผีตะเคียน" เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเอง ไม่มีใครอุตริไปปลูกหรอกค่ะ บางแห่งก็เชื่อว่าต้นตะเคียนในป่าช้าจะเฮี้ยนที่สุด มีหน้าที่คอยกำราบผีต่างๆ ไม่ให้ออกอาละวาด ทำให้คนเดือดร้อน

ผีพรายในพระราชวังดุสิต


ยังมีเรื่อง "ผี" อยู่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในรั้ววังสมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่พระองค์ท่านย้ายวังมาประทับที่พระราชวังดุสิต ในรัชสมัยของพระองค์ท่านพระราชวังวสวนดุสิต ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม่ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณวัง
ผลหมากรากมในพระราชวังแห่งนี้ออกดอก ออกผลลูกเล็กลูกใหญ่ ห้อยระย้าเต็มต้น มีทั้งฝรั่ง ทับทิม มะม่วง กระท้อน ฯลฯ เมื่อผลไม้มีมากมายเช่นนี้ก็ย่อมเป็นที่ต้องการของชาววังมือดีทั้งหลาย ทั้งๆที่เป็นของที่อยู่ในเขตพระราชฐาน ผลไม้หลายๆต้นยังถูกสอยเอาไปรับประทานเป็นจำนวนไม่น้อยและเป็นประจำจนผิดสังเกต แถมผลไม้หลายๆลูกยังพบร่องรอยของฟันแทะไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
ครั้งนั้น เรื่องขโมยผลไม้ในวังกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาด รัชกาลที่ 5 ต้องเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และตรัสว่าไม่น่าจะใช่รอยฟันของกระรอก กระแต น่าจะเป็นรอยฟันของคนมากัดแทะเสียมากกว่า เห็นจะต้องหาตัวหัวขโมยมาลงโทษให้ได้ จึงมีการตั้งรางวัล ในการจับขโมย เป็นเงินถึง 2 ตำลึงในสมัยนั้น

ซอยขนส่ง ผีดุ


"คนซอย 18" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อศาลคู่แผลงฤทธิ์

บ้านผมอยู่ตรงข้ามกับสวนจตุจักรนี่เองครับ ถ้าจะเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ พหลโยธิน 18 แต่ชาวบ้านชอบเรียกง่ายๆ ว่าซอยขนส่ง เพราะอยู่ติดกับกรมการขนส่ง...ตรวจสภาพรถ ต่อทะเบียนรถก็ต้องมาที่นี่แหละ

คนเก่าคนแก่หลายๆ คนเรียกว่า...ซอยผีดุ! ถ้าจะสังเกตให้ดีก็คงพบว่าไม่ใช่คำพูดที่เลื่อนลอยเกินไป เพราะมีอะไรๆ หลายอย่างที่ทำให้น่าขนลุกขนพองเอาการ

ตั้งแต่สมัยก่อนเคยเป็นทุ่งนารกร้าง เพิ่งจะมีชุมชนหนาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อผ่านกึ่งพุทธกาลได้ไม่นาน มีคนไปสร้างบ้านเรือนในย่านนั้น (ละแวกสะพานควาย) เกิดพบโครงกระดูกก็มี ซากศพเน่าเปื่อยก็หลายราย

ที่น่าสยดสยองก็คือศพที่กำลังขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นตลบจากพงหญ้าบ้าง ดงไม้ล้มลุกรกทึบบ้าง ส่วนมากเป็นศพนิรนามทั้งนั้น!

คือถูกฆ่าทิ้ง หรือนำศพมาทิ้งไว้ที่นั่น...จับมือใครดมไม่ได้หรอกครับ

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม