ป้ายกำกับ

แว่นตาผี

ประสบการณ์พิศวง ทางช่อง 7

อย่านอนตรงนี้...



เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเองเมื่อวันที่31ธันวาคม พ.ศ. 2548
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนตั้งใจว่าจะไปตั้งแคมป์ในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่บ้านของพี่สาวแฟนผม เพราะก่อนหน้านั้นเคยไปดูที่ตั้งมากันแล้ว และผมก็ถูกใจที่ตรงนั้นมากๆ
เป็นพื้นที่ๆเคยเป็นป่าเก่าอยู่ติดริมคลอง แต่เมื่อทางหมู่บ้านทำการลอกคลอง ที่ตรงนั้นก็ราบเรียบไม่มีต้นไม้จึงเหมาะกับการตั้งเต๊นมาก บริเวณนั้นอยู่ห่างจากบ้านพี่สาวประมาณ20 เมตร ตอนแรกที่แม่ยายผมรู้ว่าผมจะกางเต๊นตรงนั้น ท่านก็เตือนผมบอกว่า "แม่อยู่ตรงนี้มาตั้งนานยังไม่เคยไปนอนที่ตรงนั้นเลยพวกลูกจะนอนกันจริงๆ เหรอ" แม่ยายพยายามเตือน แต่ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร ปกติผมจะเชื่อเรื่องนี้เอามากๆแต่คราวนี้กลับไม่เชื่อดื้อดึงจะนอนให้ได้แม่ ยายผมก็ไม่ว่าอะไร คืนนั้นประมาณ3ทุ่ม ผมกับหลานๆแฟนที่จะนอนแค้มป์ด้วยก็หอบสำภาระมาไว้ที่เต๊นกันก่อน เพราะว่าที่สนามกีฬาจังหวัดมีการเลี้ยงโต๊ะจีนและเค้าดาวปีใหม่กัน สักพักแฟนผมก็มาบอกๆว่า "รู้สึกไม่ค่อยดีเลย อย่านอนที่นี่เลย เข้าไปนอนในบ้านเหอะ" แต่ผลก็เป็นเช่นเคยผมกลับดื้อไม่ยอมกลับ แฟนผมรู้สึกแปลกใจแต่ไม่กล้าทักท้วง พอจัดของเสร็จเราก็ไปร่วมงานกัน

ดงพญาไฟ ประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

"ป้าผ่อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

สมัยก่อน ดิฉันเป็นเด็กอยู่ตลาดมวกเหล็ก สระบุรี ไข้มาลาเรียชุมมากค่ะ ชาวบ้านเรียกไข้ป่า มีคนเจ็บป่วยล้มตายมากๆ สมัยสงคราม เพราะขาดแคลนยาควินินที่ใช้ป้องกันและรักษา ป่าดิบดงดำที่นั่นจึงมีชื่อน่ากลัวว่า "ดงพญาไฟ"

ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" ก็ยังไม่วายมีคนตายด้วยไข้ป่าตามเดิม

เมื่อสงครามสงบ ความเจริญก็เริ่มต้นขึ้นช้าๆ เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน มีรถไฟเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น ที่ติดต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง

ถนนมิตรภาพยังไม่ได้สร้าง คนที่ต้องไปค้าขายหรือติดต่อเยี่ยมเยียน ไปมาหาสู่กันก็ต้องขึ้นรถไฟระยะสั้นๆ อย่าง หินลับ-ทับกวาง-ผาเสด็จ หรือไม่ก็ล่องไปสระบุรีบ้าง ขึ้นโคราชบ้าง

ไข้ป่ายังคร่าชีวิตคนไปบ่อยๆ เพราะยาควินินยังหายากและราคาแพง ชาวบ้านมักอาศัยหมอกลางบ้าน ใช้ยาหม้อบ้าง กินน้ำมนต์บ้าง เป็นไข้จับสั่นกันเสียส่วนมาก หน้าเหลืองตัวเหลืองกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกไปทำไร่ข้าวโพด และไร่น้อยหน่า มักจะหนีไข้ป่าไม่ค่อยพ้น

โอปปาติกะ กับรัชกาลที่ 6

เมื่อพูดถึง "ผี" หรือ "วิญญาณ" พวกเราชาวนอกรั้ววังคงอยากจะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผี" ในรั้ววังกันบ้าง ยายผีป่าจึงไปเสาะหาจากนิตยสารหญิงไทยมาให้อ่านค่ะ ขอนำเรื่องราวของ "โอปปาติกะ" ที่มาปรากฏให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 6 มาเล่าให้ฟัง...

เรื่อง นี้เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันหนึ่งมีงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันเกิด ท่านจอมพลเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมในสมัยนั้น ซึ่งล้นเกล้าฯรัชการที่ 6 ก็จะต้องไปในงานนี้ด้วย การแต่งพระองค์ในวันนั้นต้องทรงเครื่องยศทหารรักษาวัง เพียงครึ่งยศ เพราะเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิตเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารรักษาวัง และยังเป็นงานแบบสโมสรกลางแจ้ง

เรื่อง ผีกระสือ ใน มลายู



"นายนุ้ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเรื่องผีกระสือในมลายู

เมื่อเด็กๆ ผมอยู่ในมลายู(ปัจจุบันคือมาเลเซีย) ได้ฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่อง ผีๆ สางๆ หลายเรื่อง กระทั่งย้ายมาอยู่ในเมืองไทยแล้วจึงได้รู้ว่า คนในย่านนี้มีความเชื่อเรื่องผีคล้ายๆ กันแทบไม่น่าเชื่อ

คนไทยเชื่อว่าเสือสมิงมีจริง สาเหตุมาจากกินคนเข้าไปแล้วเกิดติดใจในเนื้อมนุษย์ คงจะติดใจจนจับกินหลายคน วิญญาณผู้ตายสิงอยู่นานๆ ก็แก่กล้าถึงขนาดทำให้เสือแปลงร่างเป็นคนได้ตามใจชอบ

ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้ชาย เด็กหรือคนแก่ (ที่เคยตกเป็นเหยื่อมาก่อน) เพื่อล่อหลอกให้เหยื่อรายใหม่ตายใจ ได้โอกาสก็ตะครุบกินอย่างง่ายดาย

ที่มลายูก็เชื่อเรื่องเสือสมิงแบบเดียวกับเมืองไทยนั่นแหละครับ มีพวกนายพรานกับพวกหาของป่า รวมทั้งพวกลูกหาบที่รอดตายกลับมาเล่าตรงกันว่าเคยพบเสือสมิงมาขบหัวคนไปกิน เห็นเป็นคนอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ คำรามโฮก ขย้ำคอหอยคนชะตาขาดตายคาที่

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม