ป้ายกำกับ

เจ้าที่-เจ้าทาง

"วิมาลา" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อโดนผีหลอกในบ้านตัวเอง
ดิฉันมีเรื่องแปลกประหลาดเกี่ยวกับผี คิดว่าแตกต่างกับเรื่องผีอื่นๆ อยู่พอสมควร คือผีหลอกในบ้านตัวเองค่ะ ไม่ใช่ในบ้านเช่าหรือหอพัก ห้องเช่าต่างๆ นะคะ เพราะในสถานที่เหล่านี้ย่อมมีเหตุการณ์ร้ายๆ ค่อนข้างน่ากลัวเกิดขึ้น ทั้งการโดนฆ่าบ้าง าตัวตายบ้าง หรือไม่ก็เจ็บป่วยล้มตายบ้าง ดีไม่ดีเป็นฆาตกรรมอำพรางก็มี

แน่ละค่ะว่าเราไม่ทราบมาก่อน เมื่อไปเช่าอยู่ทีหลังอาจประสบเหตุการณ์สยอง น่าขนหัวลุกได้ง่ายๆ แต่นี่เป็นบ้านของเราเองแท้ๆ นะคะ

มีญาติมิตรเล่าว่า โดนผีหลอกหลายคนในบ้าน มองในแง่ดีก็ว่าเป็นผีบ้านผีเรือนที่คุ้มครองลูกหลาน มองในแง่ร้ายก็ว่าเป็นวิญญาณพเนจรมาสิงสู่ ต้องการเครื่องเซ่น หลอกหลอนให้ขนหัวลุกหวาดกลัวไปตามๆ กัน



บ้านดิฉันน่าสยองขวัญมากที่สุด เพราะพ่อแม่ปลูกบ้านนี้ที่พระโขนงเมื่อราว 20 ปีเศษมาแล้ว อพยพจากซอยอุดมสุขบางนามาอยู่บ้านใหม่ขณะที่ดิฉันยังเด็กมากอายุราว 4-5 ขวบเท่านั้น

ตอนแรกๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ พ่อแม่ขับรถไปส่งดิฉันที่โรงเรียนก่อนไปทำงาน มีสาวใช้วัยรุ่นทำงานบ้าน เฝ้าบ้าน ตอนบ่ายก็ใส่กุญแจรั้วออกไปซื้อกับข้าวร้านใกล้บ้านมาทำอาหารง่ายๆ บางวันแม่ก็แวะซื้อกับข้าวมาเพิ่มเติม

ไม่นานก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเย็นนั้น สาวใช้มายืนเกาะรั้วรอเรากลับบ้าน...หน้าซีดขาว ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ พอเราลงจากรถเธอก็พูดเร็วปรื๋อว่า หนูถูกผีหลอกค่ะ!

พ่อหัวเราะ แม่ถามว่าโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ ที่ไหนล่ะ? สาวใช้ชื่อพี่ขวัญก็ชี้มือไปชั้นบน เล่าปากสั่นเสียงสั่นว่า กำลังจะเตรียมโต๊ะกินข้าวก็พอดีได้ยินเสียงใครกระแอมอยู่ใกล้ๆ หันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใคร นึกว่าดังมาจากทีวีก็หันไปดู เห็นว่าไม่ได้เปิดทีวีเอาไว้

กำลังจะถอนใจโล่งอกก็แทบสะดุ้งเมื่อได้ยินกระแอมอีกครั้ง...คราวนี้ดังมาจากชั้นบนนั่นเอง

พี่ขวัญเล่าว่าพอเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องยกมืออุดปาก ก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาเพราะเห็นพื้นกระดานมีรอยยุบ เสียงดังเอี๊ยดๆ ตามการก้าวเดิน ตามด้วยเสียงกระแอมเบาๆ ก่อนที่หัวบันไดจะลั่นมากระทบหู

อยู่ไม่ได้แล้ว! พรวดเดียวพี่ขวัญทิ้งถ้วยชามเผ่นอ้าวออกมาตั้งหลักนอกบ้าน กำลังสองจิตสองใจว่าจะหนีออกนอกรั้วหรือเปล่า เราสามคนก็กลับมาพอดี

ดิฉันฟังแล้วก็อดกลัวไม่ได้ตามประสาเด็ก ในบ้านก็เริ่มมืด เห็นอะไรดำๆ ก็อุปาทานว่าเป็นผีจนต้องกอดแขนแม่ไว้แน่น พ่อดุพี่ขวัญว่าประสาทอ่อน กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆ ที่อยู่มาตั้งเกือบปีแล้ว...ข้อสำคัญก็คือทำให้เด็กๆ พลอยกลัวผีไปด้วย

"ขึ้นไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย" พ่อพูดเสียงแข็ง "ฉันจะนำหน้าแกขึ้นไปเอง เห็นแล้วจะได้เลิกกลัวบ้าๆ บอๆ เสียที"

พ่อขึ้นบันไดนำหน้า พี่ขวัญตามติด มีแม่กับดิฉันตามขึ้นไป...จำได้ว่าตอนนั้นใจคอไม่ดีเลย อะไรจะรออยู่ก็ไม่รู้...พี่ขวัญทั้งได้ยินเสียงกระแอม เสียงคนเดินจนกระดานยุบตัว คงจะไม่มาแต่งเรื่องหลอกเราแน่ เพราะหน้าตาใกล้ร้องไห้ก็บอกชัดว่าเธอหวาดกลัวจริงๆ

"เอ้า! ดูซะว่าหัวบันไดหรือหน้าห้องนี่มีอะไรมั้ย?" พ่อพูดเสียงดัง เปิดประตูห้องพระด้านหน้าติดระเบียงแล้วกดสวิตช์ ไฟสว่างจ้า โต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปก็ยังดูปกติทุกอย่าง...แต่มีกลิ่นธูปอวลกรุ่นจนดิฉันขนลุกบอกไม่ถูก

พ่อจุดธูปสวดมนต์ในห้องพระทุกคืนก็จริงค่ะ แต่หน้าต่างเปิดโล่งทุกบาน ยกเว้นมุ้งลวด แล้วทำไมกลิ่นธูปยังอ้อยอิ่งอยู่ได้

"เอ้า! คราวนี้มาดูห้องนอน" พ่อคงหัวเสียจนไม่ได้สังเกตว่ามีกลิ่นธูปอยู่ในห้องพระก็ได้ รีบหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป เปิดไฟสว่างเจ้า...เสียงแม่กับพี่ขวัญร้องวี้ดว้ายออกมาพร้อมๆ กัน พ่อเองก็ยืนตะลึงจังงังเหมือนกลายเป็นรูปปั้นไปเลยค่ะ

ห้องเราเละเทะเหลือเชื่อ ข้าวของถูกรื้อทิ้งกลาดเกลื่อน หมอนกับผ้าห่มถูกเหวี่ยงลงมาบนพื้นห้อง หนังสือที่หัวเตียงของพ่อ กับเครื่องสำอางบนโต๊ะของแม่คล้ายถูกกวาดกระจัดกระจายไปหมด ห้องนอนราวกับกลายเป็นกองขยะ ยิ่งดูยิ่งน่าขนหัวลุก

พ่อหันขวับมามองพี่ขวัญเหมือนจะโทษว่าเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดขึ้นเอง

ทันใดนั้น เสียงเพล้ง! ก็ดังมาจากห้องน้ำด้านข้าง ตามด้วยเสียงวี้ดว้ายอีกครั้ง พ่อรีบเดินไปเปิดไฟแล้วผลักประตูทันที

ทุกอย่างดูเป็นปกติ เสียงคล้ายขันหล่นเมื่อตะกี้ก็ยังเห็นขันอะลูมิเนียมลอยอยู่ในตุ่ม...เป็นอันว่าเลิกสงสัยพี่ขวัญได้แล้ว ไม่มีใครรู้แน่ว่าเรื่องน่ากลัวทั้งหมดเกิดจากอะไรกันแน่?

อาทิตย์นั้น พ่อก็พาชายชราผู้หนึ่งมาทำพิธีตั้งศาลพระภูมิเล็กๆ มุมรั้ว...พี่ขวัญมีหน้าที่นำอาหารไปเซ่นทุกเช้า เรื่องน่าขนหัวลุกก็หายไปตั้งแต่นั้นมาค่ะ

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม