ป้ายกำกับ

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร เล่าเรื่องผีปอบ


พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

เมื่อท่านอาจารย์ฉันเสร็จแล้ว ชาวบ้านก็เริ่มกินข้าวกัน และพูดคุยกันไป คุยกันไปถึงเรื่องผีปอบในหมู่บ้าน พอท่านอาจารย์ได้ยินเรื่องเขาคุยกันเรื่องผีปอบ ท่านก็พูดกับเขาว่าอาตมาก็เป็นปอบเหมือนกันนะโยม
ชาวบ้านเขาก็งงและตกใจว่าพระอะไรจะเป็นปอบ เขาเลยถามท่านว่าเป็นปอบได้อย่างไร ท่านอาจารย์ตอบว่า ปอบมะขามหวานชาวบ้านก็พากันหัวเราะ ท่านว่ายิ่งหวานเท่าไรยิ่งกินดี ปอบคนอื่นเขากินคน แต่ปอบของท่านอาจารย์กินมะขามหวานขันดี
เรื่องของผีปอบ (จะอธิบายเรื่องของผีปอบ)

เรื่องของผีปอบนี้ ทางอีสานโดยเฉพาะบ้านนอกเขาจะรู้กัน แต่ภาคอื่นส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก และบางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน คนที่เป็นปอบ (เจ้าของปอบ) นี้เป็นลักษณะผีเทียม เวลาไปกินคนจะบอกชื่อของคนที่เป็นปอบนั้น

ผีปอบนี้เกิดจากคนที่เรียกวิชาบางอย่างมา แล้วรักษาตามคำสั่งของอาจารย์ไม่ได้ หรือเกิดจากการสักว่านกระจายโพงแล้วรักษาไม่ได้ก็มี หรือพวกสบู่เลือด เหล่านี้เป็นต้น มักจะเป็นปอบ
คนที่จะเป็นผีปอบนี้ เริ่มแรกมักจะฝันว่าได้กินของดิบ เช่นเนื้อดิบ ลาบดิบเหล่านี้ ทีแรกก็จะกินเป็ด กินไก่ จากนั้นก็จะกินคน ส่วนมากมักจะกินคนป่วย คนธรรมดาที่ไม่ป่วยก็มีส่วนน้อย
เวลาปอบเข้ากิน ทีแรกคนที่ถูกปอบเข้าจะมึนชาทั้งตัว ต่อไปก็จะไม่รู้สึกตัวทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ และหลบหน้าเป็นไปในลักษณะนี้ ผิดสังเกต ไม่เหมือนคนคนเก่า คล้ายกับผีทรง เวลาผีปอบเข้าแล้ว เขาจะเอาหมอมาขับไล่

ทางผีผ่าน

ผมเป็นคนบ้านหมี่ จ.ลพบุรีครับ ใครมาเรียกว่าเราว่า "ลาวพวน" โกรธกันจริงๆ ด้วย เพราะผู้ใหญ่เล่าสืบกันมาว่า คนลาวก็เรียกพวกเราว่า "ไทยพวน" ทั้งๆ ที่คนพวนอยู่กันมาก่อนหน้านั้นหลายชั่วอายุคนแล้ว

คำว่า "ลาว" นี่เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อจักรวรรดินิยมฝรั่งเศสมายึดครอง มาแบ่งเขตแดนในภายหลังแท้ๆ

แล้วคำว่า "พวน" มาจากไหนล่ะ?

เดิมทีพวกเรามีบ้านเมืองเป็นหลักแหล่งอยู่ที่เมืองพวนโน่นแน่ะ เดี๋ยวนี้อยู่ในเขตเชียงขวาง ประเทศลาว อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงพระบาง อยู่ใต้เขตหัวพัน (ซำเหนือ) และอยู่ติดกับแขวงเวียงจันทน์ไปทางเหนือ ส่วนด้านทิศตะวันออกอยู่ติดชายแดนเวียดนาม

การโยกย้ายถิ่นฐานของมนุษย์น่ะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเต็มที ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน!

ชาวพวนอพยพมาอยู่ที่บ้านหมี่ตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยานะครับ มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานจากการก่อตั้งวัดหินปักใหญ่ ในปี 2306 โดยชาวพวกเป็นผู้สร้าง ส่วนวัดวังใต้นั้นชาวไทยเวียงที่อพยพตามหลังมา สร้างไว้ในปี 2307

ที่กลายเป็นชุมชนใหญ่ก็เมื่อคราวปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเข้ามาอยู่ในดินแดนนี้มากมายขึ้นผิดตา ปกติน่ะชาวพวนอพยพเข้ามาเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ

ละแวกย่านบ้านผมนี่มีแยะเชียว ทั้งบ้านหมี่, ทับคล้อ, ทุ่งโพธิ์, วังหลุม...

ใครว่าจังหวัดไหนมีชื่อมากมาย อำเภอผมก็ไม่น้อยหน้าหรอก ตอนแรกๆ เรียกว่าอำเภอสนามแจง ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอห้วยแก้ว ล่าสุดคือชื่ออำเภอบ้านหมี่เมื่อปี 2482 จนถึงทุกวันนี้

เคยได้ยินว่าภาคอีสานและภาคใต้เขามีประเพณีทำบุญทุกเดือน ภาคกลางหรืออำเภอบ้านหมี่ก็ไม่น้อยหน้าใครนะครับ

เดือนอ้ายบุญข้าวจี่, เดือนยี่บุญข้าวหลาม, เดือนสามกำฟ้า, เดือนห้าบุญสงกรานต์, เดือนหกบุญกลางบ้าน, เดือนแปดบุญเข้าพรรษา, เดือนเก้าบุญห่อข้าวสารทพวน, เดือนสิบเอ็ดตักบาตรเทโว, เดือนสิบสองใส่กระจาดเทศน์มหาชาติ

ทั้งได้บุญ ทั้งได้สนุกสนานกันเต็มอิ่มเลยเชียว

ชาวพวนนับถือศาสนาพุทธ และนับถือผีปู่ตากับผีบรรพบุรุษ โดยจะแยกหิ้งพระไว้คนละส่วน ในหมู่บ้านก็มีศาลผีปู่ตาทุกแห่ง โดยมากมักจะสร้างไว้ตามเนินสูง เช่น ตามโคกหรือจอมปลวกใหญ่ๆ สะดุดตา บางแห่งเรียกว่า "หอบ้าน" ก็มี!

ประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีอำปรากฏให้เห็น

"พวงแสด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีอำปรากฏให้เห็น

ดิฉันเชื่อว่าทุกๆ คนคงเคยโดนผีอำกันมาแล้วทั้งนั้น จริงไหมคะ?
ถึงแม้ผีอำจะไม่ใช่ผีหลอก แต่ต้องยอมรับว่าทรมานมากๆ เลย ใครโชคดีก็นานๆ เป็นครั้ง ถ้าใครโชคร้ายก็เป็นบ่อยๆ เดือดร้อนเป็นทุกข์มากค่ะ ใครที่ประสบกับตัวเองย่อมทราบดี

การที่เรานอนหลับสนิท จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของหนักๆ มาทับตัว โดยเฉพาะที่ทรวงอก ทำให้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
บางครั้งก็รู้สึกคล้ายกำลังจมน้ำ พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดเต็มที่ ทั้งกลัวทั้งโกรธ แต่คงกลัวมากกว่า ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บางทีก็คล้ายถูกมัดมือชก ลมหายใจใกล้จะขาดผึงอยู่รอมร่อแล้วละค่ะ...
เหมือนได้ผุดโพล่ง...โผล่ขึ้นเหนือน้ำได้สำเร็จ!

เหมือนสะบัดเชือกที่มองไม่เห็นจนขาดกระเด็น หลุดรอดจากความตายได้อย่างหวุดหวิด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาลืมตาโพลงหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างที่เขาว่าแทบจะพังออกมานอกอก เหงื่อกาฬเปียกชุ่มไปทั้งตัว!

ห้องอาถรรพณ์

"ชายเดี่ยว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในห้องเช่าซอยลอยมา

เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ผมได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด ไม่รู้แน่ว่าโดนผีหลอกหรือเปล่า? มันก้ำๆ กึ่งๆ ชอบกลครับ แต่ที่แน่ๆ ก็คือทำให้หวาดระแวง ขวัญเสีย ใจคอแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปหลายวัน

ขณะนั้นผมยังเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ชอบเที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนฝูงตามประสาชายโสด ไม่มีลูกเมียเป็นภาระให้ต้องรับผิดชอบ

เรื่องเที่ยวแบบเสเพลคงไม่ต้องเล่านะครับ คิดว่าย่อมจะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่...แต่ขอเล่าประสบการณ์น่าพิศวง ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่? รู้แต่ว่าทำให้ขนหัวลุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย

ผมมีแฟนหลายคน ส่วนมากจะเลิกกับคนเก่าแล้วมีคนใหม่ บางช่วงมีทีละ 2-3 คน แต่บางช่วงก็ไม่มีซักคนเดียว ผมก็เที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ ไม่มีอะไรเดือดร้อน

จนกระทั่งผมมีแฟนคนล่าสุดชื่อเกศ ทำงานแผนกต้อนรับในโรงแรมแถวสะพานควาย เป็นโรงแรมระดับสามดาวสำหรับต้อนรับนักเดินทางทั้งไทยและเทศ ไม่ใช่โรงแรมม่านรูดหรอกครับ

อ้างเห็นกระสือ บินเข้าห้อง นับพันแห่รอดู


ชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี นับพันคน แห่เฝ้ารอดู​ ดวงไฟประหลาด ที่เชื่อกันว่าคือผีกระสือ หลังมีคนอ้างเห็นตัวเป็น ๆ บินเข้าห้องนอน ก่อนหายวับไปกับตา...

จากกรณี เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีผู้พบเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ในพื้นที่บ้านดอนเนาว์ หมู่ 5 ต.ชลคราม อ.ดอนสัก จนทำให้มีชาวบ้านแตกตื่นเป็นข่าวลือว่าพบกระสือในพื้นที่ดังกล่าว โดยในแต่ละคืนจะมีชาวบ้านจาก 2 อำเภอคือ อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.ดอนสัก ร่วม 1,000 คน มาเฝ้ารอการเกิดขึ้นของดวงไฟดังกล่าว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 มิ.ย.53 เป็นต้นมา มีชาวบ้านในพื้นที่และจากพื้นที่ใกล้เคียง นับพันคน ต่างทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรอดูดวงไฟประหลาด

โดยต่างปักหลักยึดพื้นที่ ริมถนนสายกาญจนดิษฐ์-บ้านพอด และเขตรอยต่อ ต.ชลคราม อ.ดอนสัก บริเวณบ้านดอนเนาว์ เป็นจุดหลักในการรอชมดวงไฟดังกล่าว พร้อมมีการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ นาๆ

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม