"พวงแสด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีอำปรากฏให้เห็น
ดิฉันเชื่อว่าทุกๆ คนคงเคยโดนผีอำกันมาแล้วทั้งนั้น จริงไหมคะ?
ถึงแม้ผีอำจะไม่ใช่ผีหลอก แต่ต้องยอมรับว่าทรมานมากๆ เลย ใครโชคดีก็นานๆ เป็นครั้ง ถ้าใครโชคร้ายก็เป็นบ่อยๆ เดือดร้อนเป็นทุกข์มากค่ะ ใครที่ประสบกับตัวเองย่อมทราบดี
การที่เรานอนหลับสนิท จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของหนักๆ มาทับตัว โดยเฉพาะที่ทรวงอก ทำให้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
บางครั้งก็รู้สึกคล้ายกำลังจมน้ำ พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดเต็มที่ ทั้งกลัวทั้งโกรธ แต่คงกลัวมากกว่า ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บางทีก็คล้ายถูกมัดมือชก ลมหายใจใกล้จะขาดผึงอยู่รอมร่อแล้วละค่ะ...
เหมือนได้ผุดโพล่ง...โผล่ขึ้นเหนือน้ำได้สำเร็จ!
เหมือนสะบัดเชือกที่มองไม่เห็นจนขาดกระเด็น หลุดรอดจากความตายได้อย่างหวุดหวิด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาลืมตาโพลงหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างที่เขาว่าแทบจะพังออกมานอกอก เหงื่อกาฬเปียกชุ่มไปทั้งตัว!
ทางแพทย์ว่านอนทับเส้นเลือดเป็นเวลานานๆ บ้างก็ว่าเพราะนอนกอดอกแน่นจนหลับ บ้างก็ว่าเพราะนอนไขว้ขากันด้วยความเคยชิน เมื่อหลับไปเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวก ทำให้เกิดอาการผีอำขึ้นง่ายๆ
แต่ชาวบ้านทั่วไปเชื่อว่าเพราะโดนเจ้าที่เจ้าทางเล่นงานเอา เนื่องจากไปลบหลู่ดูหมิ่น หรือไม่แสดงความเคารพนับถือเท่าที่ควรโดยเฉพาะการไปหลับนอนต่างถิ่น จะเกิดผีอำมากกว่านอนที่บ้าน!
ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือบ้านช่องอื่น ย่อมมีเจ้าที่เจ้าทาง หรือมีวิญญาณที่ล้มตายไปในอดีตสิงสู่อยู่ ถ้าเรายกมือไหว้และบอกกล่าวว่ามาขออาศัยหลับนอนชั่วคราว ไม่มีเจตนาลบหลู่ใดๆ ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง-เจ้าบ้านเจ้าเรือน จงช่วยคุ้มครองป้องกันอย่าให้มีภัยอันตรายใดๆ เลย
เชื่อว่าความนอบน้อมถ่อมตนย่อมป้องกันตัวได้ ดังมีสำนวนในนิยายจีนว่า..ความอ่อนโยนคือดาบเล่มหนึ่ง!
ดิฉันเคยโดนผีอำ 2-3 ครั้งเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ได้ยินเพื่อนๆ เล่าให้ฟังเสมอว่าโดนผีอำ มากบ้างน้อยบ้าง จึงทำให้เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วทั้งนั้นเมื่อสิบปีเศษมาแล้ว ดิฉันก็โดนผีอำอย่างร้ายแรงที่สุดในชีวิต!
ดิฉันไปคลอดบุตรคนแรกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านถนนราชวิถี ได้ห้องพิเศษที่ค่อนข้างเก่า แต่ก็สะอาดสะอ้านน่าอยู่...เราได้ลูกชายสมใจสามีค่ะ
คืนที่สองนั่นเอง ดิฉันก็โดนผีอำ!!
หลังจากให้นมลูกในห้องเด็กตอนเย็นแล้ว ดิฉันก็กลับเข้าห้อง มีญาติมิตรมาเยี่ยม บางคนก็ขอให้สามีพาออกไปดูเด็ก จากนั้นดิฉันก็กินข้าวเข้านอน ร่างกายยังอ่อนเพลียและต้องการพักผ่อน...อาการไม่เจ็บปวดรุนแรง ผิดกับบางคนที่บอกว่า "คลอดลูกก็เหมือนกับถูกรถชน"
แม่ดิฉันที่มาเฝ้าตั้งแต่คืนแรก นอนหลับที่เก้าอี้ยาวข้างฝา เปิดไฟหัวเตียง แล้วดิฉันก็หลับไป...
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ ขณะที่เรื่องน่ากลัวอุบัติขึ้นมา!
นั่นคือ ดิฉันรู้สึกอึดอัด กระสับกระส่าย...อะไรบางอย่างโถมทับลงบนทรวงอก กดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ดิ้นรนแต่ไม่สำเร็จ คล้ายกับถูกเชือกมัดไว้แน่นหนาจนขยับแขนขาไม่ได้เลยค่ะ
รู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ลมหายใจใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ ได้แต่สะบัดหน้าไปมา..อยากร้องตะโกนให้แม่ช่วย อย่างน้อยได้ยินเสียงก็ยังดี แต่ก็ไร้ผล
วูบหนึ่ง นึกถึงลูกที่เพิ่งลืมตาดูโลกยังไม่เต็มสองวัน...
ทันใดนั้นเอง ดิฉันก็ดิ้นรนออกมาจากบ่วงเชือกที่มองไม่เห็นได้สำเร็จ...หอบฮักๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทันพอลืมตาขึ้นก็แทบจะช็อกคาที่ในบัดดล!
ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองรัว ผู้หญิงในชุดขาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องปลายเตียง นัยน์ตาดำโตดูขยายใหญ่ จนทำให้ใบหน้าซีดๆ นั้นยิ่งดูขาวเหมือนกระดาษปากบางๆ เหยียดกว้างเกือบเป็นเส้นตรง...เธอจ้องมองดิฉันนิ่งแน่ว ท่ามกลางบรรยากาศเยือกเย็นจนหนาวสะท้านจากต้นคอไปถึงไขสันหลัง
นัยน์ตาน่ากลัวคู่นั้นสบตาดิฉันเขม็ง เหมือนกำลังจ้องมองมาจากโลกของความตาย ทำให้ดิฉันขนลุกซ่าไปทั้งตัว...ปากบางๆ ของเธอไม่ได้ขยับเลย แต่ดิฉันก็ได้ยินเสียงมากระทบหู หรือโสตประสาทอย่างชัดเจน
"ฉันอยู่ที่นี่เอง! อยู่มานานแล้ว...ไม่ต้องกลัว..."
ไม่กลัวหรือคะ? ดิฉันแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ รู้สึกเหมือนตายไปแล้วหลายชาติเต็มที! น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มเงียบเชียบ ขบฟันกลั้นเสียงสะอื้นจนหน้าอกสั่นสะท้าน
"ไม่ต้องห่วงลูกหรอก..ฉันจะดูให้..." เสียงเยือกเย็นราวดังมาจากโลกของวิญญาณ "ฉันไม่ทำอะไรลูกเธอ...อย่ากลัว...." ดิฉันเกือบจะปล่อยโฮอยู่แล้ว พอดีแม่ตื่นขึ้นมาทักว่าจะเอาอะไร แม่จะหยิบให้? หันไปมองอีกทีก็ไม่เห็นร่างนั้นเสียแล้ว...ดิฉันไม่ได้เล่าให้แม่ฟัง พยายามทำใจว่าไม่กลัวตามคำแนะนำ แต่รุ่งขึ้นขอกลับบ้านเพราะกลัวหัวใจวายตายค่ะ!
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น