แพซุงหน้าโรงเลื่อย
Labels:
เรื่องผี
สมัยหนุ่มๆ ผมเคยอยู่ในตรอกโอ่ง เชิงสะพานพิบูลสงคราม มีบ้านเรือนคับคั่ง แต่ด้านหลังเป็นสวนเปลี่ยว เจ้าของสวนมักปลูกบ้านอยู่ริมคลองบางซื่อ ตรงข้ามกับกรม ปตอ. คดเคี้ยวไปถึงตลาดสะพานสูงโน่น
ผมกับเพื่อนๆ ชอบข้ามถนนไปเที่ยวฝั่งตรงข้าม ตอนนั้นเรียกว่าตรอกบันไดหิน เพราะสูงชันจนรถเข้าไม่ได้ ต้องลงบันไดหินราว 3-4 ขั้นลงไปถึงทางเดินแคบๆ มีบ้านช่องเรียงรายทั้งสองฟาก พอถึงกลางซอยก็เป็นต้นโพธิ์ใหญ่ ด้านซ้ายมีบ้านใหญ่ๆ หลายหลัง ด้านขวาเป็นสวนรกร้างน่าวังเวงใจแม้แต่ในตอนกลางวัน
สุดซอยเป็นเขตของโรงเลื่อยซุง กับเลี้ยวขวาขึ้นสะพานโค้งไปฝั่งวัดแก้วฟ้า ตรอกนี้ได้ตั้งชื่อเป็นทางการว่า "ซอยศรีบางซื่อ" ในเวลาต่อมาจนถึงบัดนี้
เพื่อนที่ปากคลองมีหลายคน แต่สนิทกันมากคือเจ้าอ๊อด ผิวดำ ร่างเตี้ยเป็นมะขามข้อเดียว อารมณ์ดี นิสัยขี้เล่น ชอบยิ้มฟันขาวอยู่เป็นประจำ เพิ่งได้งานทำเป็นลูกจ้างที่กรมชลประทาน ใกล้ๆ กับศรีย่าน
พวกเราส่วนมากยังไม่มีงานทำ ก็ได้อาศัยเพื่อนฝูงอย่างเจ้าพันนี่แหละช่วยเลี้ยงเหล้าเลี้ยงกาแฟ สนุกสนานเฮฮากันไปวันๆ ตามประสาหนุ่มโสด ยังไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ
บางวันก็ออกมานั่งร้านริมถนนตรงข้ามวัดประดู่ ดูสาวๆ เดินผ่านพอเป็นอาหารตา บางวันก็ไปกินที่ร้านปากคลองฝั่งวัดแก้วฟ้า แต่บางวันนึกครึ้มก็ซื้อเหล้าซื้อกับไปกินที่ริมแพซุงยาวเหยียดติดแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนแรกทางโรงเลื่อยก็ทำรั้วไม้ระแนงกั้นไว้ แต่ไม่รู้มีใครดอดไปดึงไม้ออกให้คนลอดเข้าออกได้สบาย
นอกจากกองไม้ท่อนใหญ่ๆ บนฝั่ง ก็กระโดดลงแพซุงได้ทันที ตอนเย็นๆ ลมพัดเย็นฉ่ำ หนุ่มสาวเข้าไปเดินเล่นก็มี นั่งพลอดรักกันที่แพซุงก็มี ดูๆ แล้วก็น่าอิจฉาครับ
เจ้าอ๊อดเล่าว่ามีคนจมน้ำตายบ่อยๆ โดยเฉพาะในหน้าน้ำ ทั้งโดดแพแล้วถูกน้ำพัดลิ่ว ผลุบๆ โผล่ๆ จนจมหายไปก็มี พลัดหล่นลงไประหว่างท่อนซุง ขึ้นไม่ได้จนขาดใจตายอยู่ใต้แพก็มี
เจ้าพัน คนตรอกเดียวกับผมบอกว่า พวกเราสบายมากเพราะไม่ได้อุตริไปซดเหล้าบนแพ นั่งดูวิวเพลินๆ กับรับลมเย็นๆ เท่านั้นเอง
ข้อสำคัญคือได้ดูหนุ่มสาวเขาจู๋จี๋กันด้วย
เย็นนั้น เราดอดเข้าไปตั้งวงกันริมแม่น้ำ ใกล้ๆ กับแพซุง เห็นเด็กๆ เข้ามาวิ่งเล่นกันบ้าง หนุ่มพาสาวเข้ามาเดินรับลม บางคนยังถือโอกาสเด็ดดอกกระดังงาที่ซุ้มประตูหลังโรงเลื่อยให้สาวซะด้วยซ้ำ
พวกวัยรุ่นที่คุ้นๆ หน้ากันลงไปวิ่งเล่นกันบนแพซุง ดูแล้วน่าเสียวไส้เอาการเพราะมันกระเพื่อมตามแรงคลื่นตลอดเวลา แต่พวกนั้นก็วิ่งไล่จับกันพลางหัวเราะสนุกครึกครื้น
เมื่ออาทิตย์ลับทิวไม้ฝั่งตรงข้ามไม่นาน ความมืดสลัวเข้ามาแทนที่ ผู้คนก็ค่อยๆ หายไป เหลือแต่หนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งอยู่บนแพซุงทางเหนือ ค่อนข้างไกลจากพวกเรา
จู่ๆ เจ้าอ๊อดก็โพล่งว่า..ที่นี่ผีดุบรรลัย ตอนกลางคืนไม่มีใครกล้าเข้ามาอยู่คนเดียวแน่นอน!
พวกเราหัวเราะครืน ฤทธิ์เหล้าทำให้ไม่หวาดกลัวอะไรอยู่แล้ว เจ้าพันยังถามอีกว่า..ผีหลอกยังไง? ข้าอยากรู้นัก เพราะฟังเรื่องผีสนุกดีว่ะ เจ้าอ๊อดว่าทำปากดีไปเถอะ ถ้าเจอกับตัวเองรับรองว่าไม่สนุกแน่ แล้วเล่าว่า...
มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่บนแพตอนกลางคืน ได้ยินเสียงผิดปกติกว่าเสียงลมเสียงคลื่น พอเพ่งมองก็เห็นเด็กผมจุกกำลังว่ายน้ำมาหา โผขึ้นมานั่งใกล้ๆ ร่างผอมกงโก้ กอดอกหนาวสั่น ฟันกระทบกันกึกๆ เล่าว่าจมน้ำอยู่ใต้แพมาหลายคืนแล้วหนาวเหลือเกิน...
ขาดเสียง เจ้าจุกก็พุ่งพรวดลงน้ำ..จมหายไปต่อหน้าต่อตา หนุ่มสาวคู่นั้นกระโดดตัวลอย วิ่งผวาขึ้นฝั่งพลางร้องโหวกโหวยเหมือนคนบ้าจนชาวบ้านแตกตื่น...โชคดีที่ไม่พลัดตกแพจมน้ำตาย
เดือนก่อนก็มีผู้หญิงมากระโดดน้ำตายตอนหัวค่ำ คนเห็นก็ช่วยไม่ทันแล้ว รุ่งขึ้นถึงได้พบศพไปโผล่ที่ท่าน้ำบางโพ..ต่อมาก็มีคนเห็นผู้หญิงมานั่งร้องไห้อยู่ที่แพซุงบ่อยๆ พอจ้องมองก็ไม่เห็นเสียแล้ว คนแถวนี้ถึงไม่ค่อยอยู่ถึงกลางค่ำกลางคืน
เจ้าพันหัวเราะ ถามว่าแล้วหนุ่มสาวคู่นั้นล่ะ? พลางชี้มือไปที่ริมแพไกลๆ
ลมเย็นพัดวูบ คลื่นสาดซ่าดังสะท้านใจ เมื่อพวกเราหันไปมองก็ไม่เห็นหนุ่มสาวนั่นเสียแล้ว แต่กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดแพมาหาเราอย่างรวดเร็ว
"ช่วยด้วย..ฉันหนาวเหลือเกิน.." เสียงเยือกเย็นจนขนลุกซ่า พวกเราลุกพรวดขึ้นพร้อมๆ กัน เห็นผู้หญิงผมยาวตัวเปียกโชกยืนกางแขนอยู่บนแพใกล้ฝั่ง ตาดำโตจ้องมองเขม็ง
เสียงร้องเฮ้ย! ฮ้าย..ดังระงม ดูเหมือนเราจะโผเข้ากอดกันแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากอากาศ หัวใจราวจะขาดด้วยความกลัวสาหัส จนกระทั่งภาพปีศาจค่อยๆ จางหายไป ถึงได้เผ่นผวากันกระเจิดกระเจิง
ตั้งแต่นั้นมา พวกเราไม่ยอมไปตั้งวงเหล้าใกล้ๆ กับแพผีดุอีกเลยครับ
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม
-
เมื่อปี พ.ศ.2549 ช่วงเดือนสิงหาคม ผมได้ไปเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ที่อ่าวมะนาว โดยไปกับเพื่อนๆ รวมผมด้วยเป็น 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน...
-
"ศิษย์อาจารย์ใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณผู้ห่วงใย ดิฉันมีอาชีพรับราชการ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะ...
-
"หมวยเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกมีคนไปเผาต้นโพธิ์ในซอย เมื่อปีกลายนี้ครอบครัวหนูย้ายจากเจริญพาสน์ไปอยู่บางยี่เรือ เพราะใกล้ที่ท...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น