ผีที่หัวหิน มีจริง ๆ เพราะเคยเจอมาด้วยตัวเองน่ากลัวมาก ๆ เริ่มตั้งแต่เราไปเดินเที่ยวที่ชายหาดตอนเย็น แต่พอจะกลับขึ้นฝั่งกลับหาทางขึ้นไม่ได้เลยต้องเดินวนไปวนมา กว่าจะหาเจอ แต่ก่อนจะเจอต้องเจออะไรก่อน
รู้มั้ย เจอกับศาลเจ้าแม่ พวกเราก็เข้าไปไหว้ขอให้หาทางขึ้นเจอด้วยเถอะ
รู้มะ พอสักพักที่เราเดินกลับมาทางเดิม กลับเจอทางขึ้นฝั่ง ซึ่งเมื่อสักครู่พวกเราเพิ่งเดินผ่านไปหยก ๆ แล้วพอเรามาที่บ้านพักที่เราไปเช่าอยู่นะ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่เราสงสัยว่าทำไมผู้คนที่เดินผ่านบ้านที่พวกเราพัก กลับมองพวกเราแปลกยังไง ๆ ก็ไม่รู้
แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละจนกระทั่งพวกเราทำอาหารเสร็จ ก็มานั่งสังสรรค์ที่ระเบียงบนบ้าน นึกภาพบ้านตามเรานะ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างๆโล่งๆ มีบันไดขึ้นไปบนตัวบ้าน มีอยู่ 2 ห้อง ซึ่งที่ๆ พวกเราสังสรรค์กันอยู่บริเวณหน้าห้องของทั้ง 2 ห้อง แต่ห้องน้ำอยู่ข้างล่าง แบบบ้านโบราณ พอเราสังสรรค์เสร็จนะ
เราก็แยกย้ายกันไปนอน ตอนนอนนั้นไม่มีอะไร แต่ตอนเช้านี่ซิ พวกเพื่อน มีอาการกับเราแปลก ยังๆไงก็ไม่รู้
แต่เราก็ไม่พยายามคิดมาก จนกระทั่งถึงตอนเย็นเกือบค่ำ เราก็หมดความอดทนกับพฤติกรรมแปลก ของพวกเพื่อน เราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นนะถึงได้ทำเย็นชากันอย่างนี้ เพื่อนก็ถามเราว่าเมื่อคืนได้ลงมาคุยกับแฟน ของเพื่อนหรือเปล่า เราบอกป่าวนี่ ไม่ได้ลงมาเลย ถามไผ่ดูได้เลยเรานอนคุยกันตลอด เท่านี้นแหละเพื่อนพากันตกใจมากเลย แล้วถามว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อคืนล่ะ เสียงใครกัน อีกห้องบอกว่าได้ยินเสียงเราร้องให้กับแฟนเพื่อนที่ชื่อเอ ร้องไห้ว่า ทำไมพี่เอทำอย่างนี้นะ
เอตอบว่าขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ
แต่เพื่อนก็เอะใจว่าทำไมเราเรียกเอ ว่าพี่เอ แต่จริงๆ เราเรียกเอว่าเอเฉยๆ (ใกล้ถึงจุดสำคัญของเรื่องแล้วนะ) เอาล่ะซิทีนี้อยู่กันแทบไม่ได้เลยมานอนรวมกันที่ห้องใหญ่ แล้วตอนสำคัญของเรื่องก็กำลังจะมาอยู่ว่า พอใกล้ๆ เที่ยงคืนมีเพื่อนอีก 1 กลุ่มไปออกไปซื้อข้าวข้างนอก แต่กลุ่มของเราเฝ้าอยู่ในห้อง
เราบอกกลุ่มที่ออกไปซื้อข้าวว่าถ้ากลับมาให้เคาะประตูก็แล้วกันแล้วจะเปิดให้ นะ พอสักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเราก็ตามว่ามาแล้วเหรอ เงียบ ไม่ได้ยินเสียงตอบ แต่ได้ยินแต่เสียงเคาะประตูอยู่นั่นแหละ เราก็เลยแกล้งถามไปว่า ที่ไม่ตอบน่ะ คนหรือหมากันแน่ เท่านี้นแหละ
ชุดรับแขกที่ตั้งอยู่บริเวณระเบียงนะ ทุ่มมาที่ประตูกันมากมายเสียงดังสนั่นใครๆ ก็พกกันได้ยิน ทุกคน
แต่พอเปิดประตูออกไปดูนะไม่มีอะไรเกิดขึ้นชุดรับแขกก็วางอยู่เรียบร้อยดี มีแต่แมวดำ อยู่บนระเบียง 1 ตัวเท่านั้น
แล้วพอทุกคนกลับมา เราเล่าให้ฟังทุกคนกลัวกันมาก แต่กํยังกลับไมได้ ดึกแล้ว ก็พากันนอน แต่ตอนนอนนี่ซิ เราเจอดีอยู่คนเดียวนะ พอใกล้จะเคลิ้ม ๆ ก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวยืนอยู่ที่ปลายเท้า พยายามที่จะนอนลงมาทับที่ตัวเรา เราก็สวดมนต์มาตลอด ดิ้นตลอด เรียกใครที่นอนใกล้ ๆ ก็ไม่มีใครตื่น ดิ้นจนเหนื่อย แต่ผู้หญิงชุดขาวก็นอนทับเราไม่ได้ เพราะเราใส่พระอยู่ พอเค้านอนทับเราไม่ได้นะ เค้าก็ลุกขึ้นยืน แล้วหันมามองเราแล้วก็หายไปต่อหน้าต่อตาเราเลย
เราร้องแทบตาย แต่ซักพักนั่นแหละ เพื่อนถึงตื่นขึ้นมาถามว่าเป็นอะไร เราเล่าให้ฟัง กลัวกันอีก แต่ดีที่เกือบสว่างแล้ว แต่พอเราจะกลับเก็บของเรียบร้อย เราสังเกตุเห็นรอยเลือดรอยใหญ่มากอยู่ที่ผ้านวมที่เพื่อนห่ม และรอยเลือดบนที่นอนด้วย เราก็คิดว่าบ้านนี้ต้องมีอะไรแน่นอนแต่ก็ยังไม่รู้ จนเก็บของเสร็จเราก็เอาพวกกุญแจวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง กันลืม แต่พอเก็บของเสร็จ หันมากลับไม่เห็นพวกกุญแจ อะไรอีกล่ะที่เนียะ
เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องลองเสี่ยงเดินไปขอธูปที่ข้างบ้านมาจุดแล้วบอกวา อะไรที่พวกเราทำไม่ดี ให้ขออภัยด้วย
และพอขึ้นมาโต๊ะเครื่องแป้ง ก็กลับเจอพวกกุญแจพวงนั้นได้อย่างไร และที่สำคัญ เราถ่ายรูปกันไม่ได้เลยภายในบ้านหลังนี้ กดชัดเตอร์ไม่ลงเลยซักรูปเดียว เราก็นั่งรถกลับมาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กเก็บเงินก็เลยมาถามพวกเราเกิดอะไรขึ้นครับ
พวกเราก็เล่าให้ฟังเค้าฟังแล้วก็ตกใจ ถามว่าพวกพี่ไปพักได้อย่างไรครับ บ้านนี้มีคนฆ่ากันตายครับ เอาล่ะซิเค้ามีคนยิงกันตาย 2 คนคือคนที่ตายเป็นทหารพากันมากินเลี้ยงที่บ้านหลังนี้ มีเพื่อนๆ กับแฟนด้วย แต่ยังไงไม่ทราบแฟนของทหารคนนี้ออกไปซื้อของมาเพิ่ม ทหารคนนี้ก็ได้ปลุกปล้ำเพื่อนของแฟนตัวเอง พอความผิดชอบชั่วดีกลับมา หาทางออกไม่ได้ ก็เลยหาทางออกด้วยการยิงผู้หญิงที่ตัวเองปล้ำตาย แล้วก็ยิงตัวเองตายตามไปด้วยภายในห้องนอนที่เกิดขึ้นกับพวกเรานั่นแหละ เป็นไงคะ ฟังแล้วน่าขนลุกมั๊ยคะ
แต่รับรองได้ค่ะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง 100 % ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น