"ปั้ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากลิฟต์ในหอพัก
ผมกับเพื่อนๆ ยอมรับอย่างไม่อายว่า..เรากลัวผีครับ! ถึงแม้จะชอบอ่านเรื่องผี ดูหนังผี และฟังวิทยุรายการผีของพี่ป๋อง ตั้งแต่อยู่ที่บางปะกง ฉะเชิงเทรา จากเด็กมาจนถึงวัยรุ่นผมก็กลัวผีมาก เพราะมันเป็นอะไรที่ลึกลับและน่าตื่นเต้นมากๆ เลย
ขนาดมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิต เช่าหอพักอยู่กับเพื่อนชื่อเซ้ง เด็กแปดริ้วเหมือนกัน เรื่องความสนิทสนมหายห่วง นิสัยใจคอก็คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะเรื่องกลัวผีนี่เจ้าเซ้งดูเหมือนจะแซงหน้าผมด้วยซ้ำ
เขาว่าคนกลัวผีมักจะกลัวตั้งแต่เด็กไปจนแก่เลยละคุณ!
บอกเลยก็ได้ครับ...เราเพิ่งจะมาโดนผีหลอกตอนที่มาเช่าหอพักอยู่ที่รังสิตนี่เอง!
แถวนั้นมีหอพักใหญ่น้อยมากมาย ของเราค่อนข้างใหญ่โตเพราะสูงเกือบสิบชั้น มีลิฟต์ให้ความสะดวกถึงสองตัว ผู้คนอยู่กันคึ่กๆ โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาหนาตากว่าเพื่อน ส่วนมากมักจะเช่าอยู่กับเพื่อนทั้งนั้นแหละ
นิสัยใจคอก็มีทั้งเรียบร้อยและซู่ซ่า ประเภท ลิง ค่าง บ่าง ชะนี มีหมด สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เสพยาก็มี อย่างว่านะ...ไกลหูไกลตาพ่อแม่ ไม่มีอะไรจะควบคุมความประพฤติได้หรอกนอกจากจิตใจของตัวเอง!
เราอยู่ห้องชั้น 6 บรรยากาศก็สงบเงียบดี เป็นห้องติดแอร์ที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน
ทางหอค่อนข้างเข้มงวดเรื่องมีแขกมาหา หรือพาขึ้นห้องพัก แต่ก็ย่อมจะมีเล็ดลอดจนได้ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมาก็นานๆ ที ห้องติดแอร์ช่วยได้มากครับ
ห้องชั้นอื่นจะเป็นยังไงไม่ทราบ แต่ชั้น 6 ค่อนข้างเงียบ ต่างคนต่างอยู่ ใครออกจากห้องก็มักจะเดินไปที่ลิฟต์ ใครออกจากลิฟต์ก็มุ่งหน้าเข้าห้อง...สบตากันก็ยิ้มให้กัน จนคุ้นๆ หน้ากันหลายคน แต๋วมีอยู่หลายคน แต่ผมก็มีเพื่อนประเภทนี้ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้ว ไม่ตื่นเต้นอะไร
เราอยู่ได้เกือบเดือนก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น!
คืนหนึ่ง เรากำลังทำงานส่งอาจารย์อยู่ราวห้าทุ่มเศษ ทุ่มเทสมาธิเต็มที่จนไม่ฟังเพลงด้วยกันทั้งคู่ พอดีมีเสียงเดินผ่านห้องไปมาดังแว่วขึ้น...ผิดสังเกตก็คือมันดังวนเวียนอยู่แถวหน้าห้องเรานั่นเอง
ไม่อยากใส่ใจให้เสียเวลา...คืนนี้คงไม่ต่ำกว่าตีสองแน่กว่าจะเสร็จงาน ยังดีที่มีเรียนตอนบ่าย...เสียงเคาะประตูก็พลันดังขึ้น
ผมกับเจ้าเซ้งหันมองหน้ากัน...ใครวะ?
ดึกดื่นป่านนี้ไม่ใช่เพื่อนฝูงแน่ๆ ตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เคยมีใครมาเคาะประตู...เสียงนั้นเงียบไปจนผมเกือบจะถอนใจ ก้มหน้าทำงานต่อ เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกแล้ว...คราวนี้ฟังคล้ายเอาฝ่ามือตบประตูมากกว่า จนเราต้องปราดไปเปิดประตูให้รู้แน่...
คุณพระช่วย! ไม่มีใครซักคนเดียว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใครเลย จะว่ารีบหลบเข้าห้องก็คงไม่ทันแน่ เพราะเรารอจนเสียงตบประตูครั้งสุดท้ายจึงได้เปิดพรวดเข้ามา
มองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลาย...มันสยองปนหลอนๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ!
เจ้าเซ้งผู้กลัวผีมากกว่าผมจัดการไปจุดธูปสามดอก กราบไหว้บูชาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ใครจะว่าหัวโบราณก็ช่าง...เสียงสุดหลอนที่หน้าประตูก็หายเงียบไป ทำให้เรามีสมาธิทำงานจนเสร็จเรียบร้อย
วันรุ่งขึ้น ฟ้าหนักอึ้งมาตั้งแต่บ่าย ลมพัดอู้ๆ เหมือนฝนจะตก เราซื้ออาหารง่ายๆ กับน้ำขวดติดมือเพื่อมากินที่ห้อง...ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไม่รู้เจ้าเซ้งนึกยังไง พูดว่า...อยู่ตั้งนานเพิ่งจะมีใครมาเคาะประตูเมื่อคืนนี้เอง จะมาบอกข่าวอะไรก็ไม่รู้...
พอดีลิฟต์เปิดก็มีคนเดินออกมาหลายคน เราก้าวเข้าไปกดปุ่มชั้น 6 ด้วยความเคยชิน ประตูปิด ลิฟต์เลื่อนขึ้น...ผมเพิ่งรู้ว่ามีหนุ่มแปลกหน้า รูปร่างผอมสูง ผิวขาว ผมปรกหน้าผากเป็นกระเซิง กำลังจ้องมองยิ้มๆ เจ้าเซ้งเหลือบไปเห็นก็สื่อสารด้วยการขยับปาก...แต๋ว!
ทำไมลิฟต์ช้าเหลือเกิน อากาศเย็นยะเยือกชอบกล ผมหันไปมองทีไรก็เห็นชายนั้นมองยิ้มๆ มาทุกครั้ง โชคดีที่ไม่ได้ขึ้นลิฟต์คนเดียว ไม่งั้นผมคงอึดอัดยิ่งกว่านี้แน่ๆ
ประตูเปิดออก...มองจนแน่ใจว่าถึงชั้น 6 แล้ว แต่ชายร่างสูงมายืนด้านหน้าเมื่อไรไม่ทราบ พอประตูเปิดเขาก็ก้าวออกไปทันที ผมกลืนน้ำลายมองเพื่อน เจ้าเซ้งก็ทำหน้าไม่ค่อยดีขณะเดินตามหลังชายนั้นไป...ท่าเดินแปลกๆ เหมือนจะลอยไปงั้นแหละ
เหมือนถูกสะกดให้เราเดินมองตามหลังต้อยๆ จนร่างนั้นหยุดชะงักที่หน้าห้องใกล้กับห้องเรา เขาหันมามองยิ้มๆ อีกครั้ง...ก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไปในบัดดลเหมือนเป็นรูปเงา
เจ้าเซ้งผงะหน้าร้องเฮ้ย! ผมเผ่นพรวดเข้าไขกุญแจมือไม้สั่น...เจ้าเซ้งใส่กลอนทั้งคล้องโซ่ รีบจุดธูปไหว้พระทันที...ไม่ต้องสงสัยแล้วครับว่าเมื่อคืนใครมาเคาะประตู! บรื๋อออ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น