ป้ายกำกับ

เปรตวัดโสมฯ

"คนวัดแค" เล่าเรื่องสยองขวัญในย่านนางเลิ้ง

ผมเป็นเด็กนางเลิ้งครับ หรือจะพูดให้ถูกต้องตรงเป้าจริงๆ คือเป็นอดีตเด็กเมื่อหลายสิบปีก่อน เรื่องผีดุสุดๆ นั้นขอยืนยันว่าย่านนางเลิ้งของผมไม่น้อยหน้ากว่าย่านอื่นหรอกครับ สาบานได้

สมัยก่อนยังเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อยู่ห่างไกลจากพระนคร มีช้างหลวงที่ไม่ได้ขึ้นระวางเที่ยวหากินอย่างอิสระ ชาวบ้านเรียกย่านนี้ว่าทุ่งส้มป่อย สาเหตุเพราะมีต้นส้มป่อยขึ้นสะพรั่ง

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการขุดคลองผดุงกรุงเกษมขึ้นเป็นคลองคูพระนครชั้นนอก มีการประกอบพิธีขอฝน หรือ "พิรุณศาสตร์" และพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอยู่ระยะหนึ่ง ทุ่งส้มป่อยก็ชักจะเป็นที่รู้จักมักคุ้นของผู้คนทั่วๆ ไป

ที่ไหนดัง ที่นั่นก็มีคนอยากมาเที่ยวกับอยากมาอยู่อาศัยเป็นธรรมดา !

มีทั้งชาวญวนและชาวมอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมคลองด้านเหนือ จนได้ร่วมกันสร้างวัดประจำหมู่บ้านขึ้นมา คือวัดสมณานัมบริหาร ที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดญวนสะพานขาว"



ฝั่งตรงข้ามที่มีต้นส้มป่อยขึ้นดกดื่นจนได้ชื่อว่า ทุ่งส้มป่อยก็ไม่ยอมน้อยหน้าหรอกครับ พี่น้องชาวมอญอพยพมาปลูกบ้านช่องกันอยู่หนาตา ยึดอาชีพรับตุ่มดินจากปทุมธานีล่องเรือมาขายในย่านนี้ เรียกตุ่มขนาดใหญ่ว่า "อีเลิ้ง" หรือเรียกกันเต็มยศว่า "ตุ่มอีเลิ้ง" จนติดปากก็มี

จากชื่อทุ่งส้มป่อยเลยกลายเป็น "บ้านอีเลิ้ง"

แหม ! คำว่า ไอ้ๆ อีๆ นี่ถือว่าไม่สุภาพ ฟังระคายหูนะครับ เลยเรียกเสียใหม่ว่า "นางเลิ้ง" ติดปากติดหูมาจนถึงทุกวันนี้!

จากทุ่งเปลี่ยวเป็นชุมชนคึกคัก มีเรือแพขนสินค้ามาจอดขายตามริมคลอง ตั้งแต่บริเวณปากคลองระเรื่อยมาถึงสะพานเทวกรรมฯ ยันสี่แยกมหานาค กลายเป็นศูนย์การค้าของเมืองหลวง คงจะดังพอๆ กับสยามพารากอนสมัยนี้นะครับ

ในนิราศพระราชวังสวนดุสิตยังมีกวีนิรนามถ่ายทอดให้เห็นภาพชัดเจน

"ถึงสะพานเทวกรรมทำสง่า

ทัศนาถิ่นฐานสะพานใหญ่

ดังเทวามาทำล้ำวิไล

ทางมาไปไม่ยากลำบากกาย

ลงสะพานมาในย่านทางถนน

ประชาชนอึงอื้อเขาซื้อขาย

เช่าอยู่สองชั้นกั้นสบาย

ทั้งหญิงชายขายค้าสารพัน"

ย่านนางเลิ้งฝั่งใต้ยังมีวัดอยู่อีก 2 วัด แถมเป็นวัดดังทั้ง 2 วัดอีกต่างหาก

นั่นคือวัดแค หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "วัดแคนางเลิ้ง" วัดนี้เก่าแก่มากที่สุด แต่เดิมชื่อวัดสนามกระบือ สันนิษฐานว่าคงเคยเป็นทุ่งเลี้ยงควายในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนชื่อเป็นทางการคือวัดสุนทรธรรมทาน

อีกวัดหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างคือวัดโสมนัสวิหาร เป็นพระอารามหลวงริมคูคลองคล้ายๆ กับในสมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นเมืองหลวงไงครับ

แล้วผีที่ว่าดุนักหนานั้น ดุตรงไหนล่ะ?

เรื่องนี้ขอฟันธงว่าดุทุกที่เลยแหละครับ ไม่ว่าที่โรงหนังเฉลิมธานี หรือตลาดนางเลิ้ง วัดโสมนัสฯ ฯลฯ มีสาเหตุต่างๆ ชวนให้ขนหัวลุกทั้งนั้นซีน่า!

เมื่อปี 2472 มีคนมือบอนวางเพลิงตลาดนางเลิ้ง บ้านเรือนวอดวายกลายเป็นเถ้าถ่านไปเกือบ 100 หลังคาเรือน ลือกันว่ามีคนโดนไฟคลอกตายด้วยหลายคน...แม้จะสร้างตลาดขึ้นใหม่ ตอนดึกๆ ก็ยังมีคนได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เล่นเอาขนลุกขนพองไปตามๆ กัน

ไหนจะตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกล่ะ ! คือเดือนหงายจะมีเครื่องบิน ข้าศึกบินมาทิ้งระเบิด ได้ยินเสียงหวอดังมาทีก็คล้ายเสียงเปรตขอส่วนบุญ ต้องรีบดับไฟฟืนจ้าละหวั่น เพราะกลัวนักบินจะมองเห็น แล้วรีบเผ่นลงท่อกันไม่คิดชีวิตละครับ

ระเบิดลงแถวหลานหลวง ใกล้ๆ กับนางเลิ้งแค่ปากกับจมูก วันดีคืนดีข้าศึกก็หย่อนระเบิดมาใส่ตลาดนางเลิ้งอย่างแม่นยำเหมือนผีจับยัด!

ราพณาสูรน่ะซีครับ จะไปมีอะไรเหลือล่ะ ได้ข่าวว่าทั้งเจ็บทั้งตายไปหลายคน...ใครไม่กลัวผีก็ใจเย็นหน่อยแล้วจะไปไหนมาไหนตอนกลางคืนน่ะต้องเกาะกันเป็นพรวนหรือตามกันเป็นแพเชียว

วัดแคกับวัดโสมนัสฯ น่ะผีดุสุดๆ โดนหลอกกระเจิงมาหลายรายแล้ว !

ยิ่งวัดโสมนัสฯ มีต้นไม้ร่มรื่นมากมาย โดยเฉพาะหน้าวัดมีต้นตาลปลูกไว้สูงตระหง่าน เรียงรายเป็นทิวถนน ยอดตาลน่ะเป็นพุ่มใหญ่ ตอนกลางคืนดูมืดทะมึนน่าสยองใจพิลึก ดูเผินๆ เหมือนอสุรกายผุดโผล่ขึ้นมายืนจังก้า จ้องมองมวลมนุษย์อย่างประสงค์ร้าย

ยิ่งตอนลมพัดแรงๆ จะทำให้ใบตาลแก่ๆ ที่ห้อยลงมากระทบกับลำตันดังแกรกๆ กรากๆ ยิ่งชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อพิลึกละคุณเอ๋ย

พวกผู้ใหญ่หลายคนเล่าว่า วันดีคืนดีเคยเห็นต้นตาลสูงลิบนั่นเดินโย่งเย่งมาหาอีกด้วย พอจ้องมองให้แน่ๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ต้นตาลหรอกครับ แต่เป็นเปรตต่างหากล่ะ แถมร้องกรี๊ดๆๆๆ ขอส่วนบุญอีกต่างหาก

รับรองว่าไม่มีใครตั้งสติอารมณ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลหรือแผ่เมตตาแม้แต่คนเดียว ล้วนแต่เผ่นอ้าวแทบตับทรุดไปตามๆ กัน

ใครไม่เชื่อลองมาทัศนาจรนางเลิ้งตอนดึกๆ เอาเองนะครับ !

1 ความคิดเห็น:

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม