"ธนะศาสน์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงเรียน
ห้องพยาบาลของโรงเรียนผมอยู่ชั้นล่างของอาคารเรียนที่สูง 3 ชั้น นักเรียนที่ขี้เกียจเรียน หรือทำการบ้านไม่เสร็จ กลัวครูดุ ก็มักจะอาศัยห้องนี้เป็นที่หลบภัย อ้างว่าปวดหัวปวดท้องไปตามเรื่อง ครูพยาบาลจะจับกรอกยาแล้วให้นอนพัก
พวกเราเล่นละครเก่งครับ อ้อนเก่งด้วย คุณครูพยาบาลใจดี..เสียอย่างเดียวในห้องนี้มีสิ่งที่ผมกลัวมากๆ
ที่ตู้กระจกใกล้ๆ เตียงพยาบาลนั้น มีขวดโหลหลายใบตั้งโชว์อยู่ ขวดใสมีน้ำสีเหลืองๆ แช่อวัยวะที่ตัดมาจากศพ สมอง หัวใจ ปอด และเด็กดอง!
สมองในขวดโหลเป็นของคนที่ตายเพราะเส้นเลือดแตก หัวใจมาจากคนที่ถูกยิง...ผมยังเห็นรูกระสุนที่คร่าชีวิตเขาได้อย่างชัดเจน ปอดนั้นตัดจากคนที่สูบบุหรี่จัดจนดำไปแถบหนึ่งอย่างน่ากลัว
ส่วนเด็กดองที่แช่อยู่ในแต่ละโหล เป็นเด็กที่ตายในครรภ์ตั้งแต่ 5-7 เดือน แต่ละคนจะพิการไปคนละอย่าง ดูยังไงก็เหมือนภูต หรืออะไรบางอย่างที่น่ากลัว
ทารกร่างหนึ่งมีใบหน้าบิดเบี้ยว ศีรษะแบน ซี่โครงบาน แขนขาเล็กลีบ อีกร่างหนึ่งไม่มีจมูก แต่มีไส้ออกมาอยู่นอกหน้าท้อง! ร่างที่สามดูน่ารักหน่อย...แต่น่ารักยังไงมันก็คือซากทารกที่ดองไว้ในขวดโหล
แหม...ตอนที่เรียนอยู่ ม.ต้นน่ะ ผมคิดว่าบรรยากาศห้องพยาบาลจะรื่นรมย์กว่านี้เยอะ ถ้าไม่มีชิ้นส่วนศพมนุษย์กับทารกดองพวกนี้น่ะ
อาจารย์บอกว่ามีไว้ให้ดูเป็นการศึกษา พวกเพื่อนๆ ไม่ค่อยคิดอะไร ผมเองตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกัน แต่มีเรื่องที่ได้พบแล้วทำให้ผมกลัว...ไม่กล้ากล้ำกรายเข้าไปแถวนั้น ไม่กล้านอน แม้จะปวดหัวตัวร้อนขนาดไหนก็ตาม
วันเกิดเหตุ ราวสิบโมงเช้า ผมปวดหัวตุ้บๆ แล้วอาการก็หนักขึ้น คุณครูมาจับตัวผมแล้วอุทานว่าร้อนจี๋เลย! อนุญาตให้ผมออกจากห้องเรียนไปหาคุณครูพยาบาลเพื่อกินยาแล้วนอนพักซะ พวกเพื่อนๆ มองตามอย่างอิจฉา แต่มันก็รู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง
พอไปถึงคุณครูก็ให้กินยา แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องที่วางเตียงไว้ ตรงผนังด้านหนึ่งมีสามเตียง อีกฝั่งหนึ่งมีสองเตียง ตู้ขวดดองจะอยู่ระหว่างแถวเตียงพอดี!
ผมเดินโผเผล้มตัวบนเตียงที่อยู่ด้านในสุด ม่านหน้าต่างปิดไว้ทำให้ห้องสลัวๆ อากาศครึ้มเย็น แบบนี้ละเป็นไข้หวัดดีนักแล! เออ....แต่คืนก่อนผมนอนดึกมากติดๆ กันสองสามคืน ร่างกายพักผ่อนไม่พอก็เลยล้มเจ็บง่ายๆ
อย่างวันนั้นน่ะ ผมรู้สึกอ่อนแอมากเลยครับ! พอหัวถึงหมอนก็หลับตา ชักผ้าห่มมาคลุมถึงใต้คาง ปวดหัวมากจนทรมาน คิดว่ากินยาแล้วเดี๋ยวก็คงหาย
ระหว่างหลับๆ ตื่นๆ ผมรู้สึกว่าในห้องที่มืดสลัว เย็นฉ่ำพิกลๆ นี้ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียวหรอก...คุณครูพยาบาลเรอะ? ไม่ใช่! คุณครูนั่งทำงานอยู่ข้างนอกนั่น ผมพยายามปรือตาดูว่าใครกันนะที่เดินขวักไขว่ในห้องนี้?
ผู้ชายคนหนึ่งก้มหน้าลงมาเกือบชิดหน้าผม กลิ่นบุหรี่เหม็นๆ ฟุ้งเข้าจมูก ผมเบือนหน้าหนี รู้สึกว่าเขาจะยิ้มกว้างแล้วถอยห่างออกไป
อ้าว? เด็กที่ไหนไม่รู้มาวิ่งเล่นรอบ เตียง บางคนกระโดดขึ้นมาจนผมรู้สึกถึงแรงสะเทือน เสียงหัวเราะคิกคักนั้น...จนป่านนี้ผมยังจำได้ติดหูจริงๆ เอ้า!
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมนึกถึงผีทันที! ใครที่ไหนล่ะครับจะมาเพ่นพ่านหรือปล่อยเด็กเล็กๆ มาวิ่งเล่น กระโดดเล่นในสถานที่แบบนี้...พอนึกอย่างนั้นผมก็ฝืนตัวเต็มที่แล้วลืมตาขึ้นทันที
ทุกอย่างในห้องสงบนิ่ง มืดสลัว ได้ยินแต่เสียงหึ่งๆ เบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ ผมว่าผมคิดไปเองแบบคนเป็นไข้แล้วเพ้อ...ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเจ้าของอวัยวะในโหลดองทั้งหลายนั่นเลยสักนิด จริงๆ ให้ดิ้นตาย!
เมื่อคิดว่าเราเพ้อไปเองเพราะพิษไข้ ใจก็สงบลงหน่อยแล้วหลับต่อ อาการปวดหัวค่อยคลายลง แต่มันปวดไปหมดทั้งตัว หนักอึ้งและเพลียมาก
แค่หลับตาลงผมก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะใสๆ อยู่ข้างเตียง เหมือนแกจะเล่นจ๊ะเอ๋กับผมน่ะครับ ใจผมอยากไล่แกให้ไปไกลๆ อย่ามากวน...คนจะนอน! เสียงหัวเราะชะงักลง เป็นเสียงบ่นอู้อี้เหมือนจะเสียใจที่โดนไล่!
จิตผมถูกดึงให้ดิ่งลง มันมีแรงบางอย่างคล้ายแม่เหล็กดึงผมลงไปเรื่อยๆ ผมเองก็อ่อนแอจนฝืนไม่ได้เลย ได้แต่พยายามเปิดตาได้ครึ่งๆ กลางๆ
แล้วผมก็เห็นภาพนั้น....
ที่เตียงฝั่งตรงข้ามมีผู้ชายนั่งสามคน คนหนึ่งนุ่งกางเกงสีกากี เสื้อยืดยาว มีรอยคล้ำๆ แผ่อยู่ตรงอกด้านซ้าย อีกคนเป็นชายอ้วน คนที่สามผอมกงโก้เป็นขี้ยา ทั้งสามคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ มีเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นอยู่รอบห้อง พวกแกวิ่งเร็วมาก เหมือนแมวที่เผ่นโผนกระโจนแบบตัวเบาๆ ไร้น้ำหนัก ไปทางโน้นทีทางนี้ที
ขณะที่เห็นพวกเขาผมกลับรู้สึกไม่อยากฝืนแรงดึงดูดนั้นอีกต่อไป
ผมปล่อยใจให้สบายๆ ได้ผลครับ...ตัวเบา ความเจ็บปวดเมื่อยล้าดูจะค่อยๆ สลายไปจากร่างกาย แล้วผมก็ผล็อยหลับ...หลับสนิทไปเลย!
สรุปว่าวันนั้นผมหลับไปสามชั่วโมงเต็มๆ
เมื่อตื่นขึ้น แม้จะเพลียอยู่บ้างก็ดีขึ้นมากๆ ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วเดินออกจากห้องพยาบาล ขณะเดินผ่านตู้กระจกผมก็ชะงัก แล้วเพ่งมองอวัยวะในขวดดองทีละขวด อย่างที่ไม่เคยสนอกสนใจถึงขนาดนี้มาก่อน
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผู้ชายและเด็กๆในห้องนอนเป็นใคร? พวกเขาคงไม่ได้ตั้งใจมาหลอกหลอน แต่มาเฝ้าไข้...อยากให้ผมหายเร็วๆ ด้วยซ้ำ! กระนั้นก็ไม่ไหวละครับ...ผมขยาดห้องพยาบาลจนจบมอหกเลยละ! บรื๋ออออ....
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนี่ถ้าเป็นเรานะ เราจะไม่เข้าไปห้องพยาบาลเลยถ้ารุ้ว่ามีซากทารกยุในขวดแก้ว มีอวัยวะคนตายยุอีกด้วยขนหัวลุกฟู่เลยแหระยิ่งจิตอ่อนยุด้วย ��
ตอบลบ