ป้ายกำกับ

ตายแล้วฟื้น

"บิลลี่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นศพลืมตา

ย่านุ่นเป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณย่าผม เราอยู่บ้านเดียวกันโดยพวกผม คือพ่อ แม่ น้องๆ และปู่ย่า อยู่ด้วยกันบนตึกใหญ่ ส่วนย่านุ่นอยู่คนเดียวที่เรือนไม้หลังเล็ก 2-3 ปี มานี่แก่อ่อนแอลงทุกทีๆ จนในที่สุดต้องนอนเฉยๆ แต่ไม่ได้เจ็บป่วยถึงขนาดต้องพาไปโรงพยาบาล ผมเองน่ะบอกอย่างไม่อายเลยว่า กลัวแกจะตายในบ้านนี้ กลัวมากจริงๆ ครับ แต่แล้ววันหนึ่งมันก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

คนดูแลย่านุ่มเป็นเด็กรับใช้ชาวพม่าชื่อนิ้ง มีหน้าที่ยกสำรับอาหารมาให้ กับช่วยพยุงเข้าห้องน้ำ

อย่างที่ผมบอกละครับว่าแกเพียงแต่อ่อนระโหยโรยแรง ไม่ได้เจ็บป่วย แกกะย่องกะแย่งไปอาบน้ำและเข้าห้องน้ำเองได้ กินข้าวเองได้ นิ้งแค่คอยดูแลใกล้ๆ และนอนเป็นเพื่อน ย่านุ่นก็เป็นคนน่ารัก ไม่บ่นจู้จี้ ใจดีด้วยซิ เวลาผมกลับจากโรงเรียนแวะเข้าไปหาย่าจะยิ้มดีใจ อวยชัยให้พรว่า จบม.6 แล้วให้เรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ปริญญาสูงๆ นะ



วันเสาร์หนึ่ง ก่อนแปดโมงเช้า ผมกะว่าจะนอนตื่นสายๆ แต่ได้ยินเสียงร้องเอะอะ วุ่นวายอย่างตกอกตกใจกันใหญ่ ผมเด้งผึงลงจากเตียงวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น?

ปรากฏว่านิ้งกำลังร้องไห้อย่างขวัญเสีย พ่อแม่ผมอยู่ในห้องย่านุ่น คนใช้มุงกันเต็มเชียว...ได้ความว่าย่านุ่นสำลักอาหารแล้วล้มหงายลงไปบนพื้น หน้าเขียว ปากเป็นสีคล้ำ นิ้งบอกว่าคุณย่านิ่งไปกว่าสิบนาทีแล้ว!

ในที่สุด เรื่องที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ ถึงจะรักย่านุ่นมากอยู่ แต่ใครจะไม่กลัวถ้ามีคนมาตายในบ้าน! ทำไงดีล่ะ...ผมมึนไปหมดครับ

ช่วยกันยกย่านุ่นขึ้นไปวางบนเตียง พวกผู้ใหญ่ยุ่งกับการจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องเรียบร้อย ผมได้ยินเขาปรึกษากันว่าจะทำยังไง...เรียกอำเภอ หมอ หรือทางวัด? ช่างพวกผู้ใหญ่เถอะ เขาให้นิ้งคอยเฝ้า...แหม! ผมไม่อยากพูดเลย...เฝ้าศพย่านุ่น!

เอาละซิ! พวกเด็กๆ อย่างผมกับน้องๆ ถึงจะกลัวแต่ก็อยากรู้อยากเห็น เราไม่เคยเห็นหน้าคนตายนี่ครับ พวกน้องกลัวๆ กล้าๆ มาเมียงมองดูร่างย่านุ่นที่นอนสงบ ตาลืมนิดๆ ปากคล้ำนั้นอ้าเผยหน่อยๆ ย่าของผมลงมายืนอยู่ข้างเตียง ไม้ร้องไห้เท่าไหร่แต่ก็ถือผ้าไว้คอยเช็ดน้ำตาตัวเอง...แล้วก็เอามือลูบตาย่านุ่นให้ปิดสนิท

คุณพระช่วย! เดี๋ยวเดียวเปลือกตานั้นก็เปิด...ลืมขึ้นมาอีกแล้ว!

สักพักใหญ่ ย่าบอกให้ผมเฝ้าศพย่านุ่นอยู่กับนิ้ง ส่วนย่าจะขึ้นไปข้างบน

ตอนนั้นราวๆ สิบโมงเช้า แดดแจ๋เชียว ไม่ค่อยน่ากลัวนัก ห้องย่านุ่นก็สว่างและโปร่งเพราะเปิดประตูหน้าต่างทุกบาน เรือนไม้เล็กๆ ชั้นเดียวนี้อยู่ติดกับครัว ผมกับนิ้งไม่พูดอะไรกัน ต่างคนต่างจ้องหน้าย่านุ่นอยู่เงียบๆ

ทันใดนั้นเอง นัยน์ตาศพที่ปรือนิดๆ ก็ลืมโพลง! นิ้งผุดลุกขึ้นทันที เธอถอยกรูดไปไกล ผมร้องไม่ออก แต่กระโดดถอยหลังไปไกลกว่านิ้งเยอะเลย...เธอคว้าข้อมือผมลากพรวดออกจากห้อง

ปรากฏว่าย่านุ่นฟื้นครับ!!! ตายไปตั้งสองชั่วโมงแล้วไม่รู้ฟื้นได้ไง? พวกผู้ใหญ่เข้าไปนวดเฟ้น เอายาลมยาหอม บางคนก็วิ่งไปทึ้งเอาตะไคร้มาทั้งกอ มาขยี้ให้ย่านุ่นดมแล้วอุ้มแกขึ้นรถไปโรงพยาบาล...อีก 2-3 วันต่อมาย่านุ่นก็กลับบ้าน

บอกตรงๆ ว่าผมไม่กล้าเข้าใกล้ย่านุ่น โธ่! ก็วันนั้นน่ะผมยืนดูหน้าศพอยู่ตั้งนานสองนาน สาบานได้ว่าถึงจะไม่เคยเห็นผมก็รู้ว่านั่นน่ะหน้าคนตายชัดๆ

นัยน์ตาครึ่งปิดครึ่งเปิด ปากเผยอดำคล้ำ ลูกตาของย่านุ่นทำท่าจะยุบตัวแบนลงไปและดูด้านหน่อยๆ แล้วด้วย หายใจก็ไม่หายใจ นิ่งสนิท...แล้วจะบอกว่าไม่ตายได้ไง? หัวเด็ดตีนขาดผมก็ว่าย่านุ่นตายแน่ๆ

เวลาเห็นแกค่อยๆ หันมายิ้มให้ เล่นเอาผมแทบขาดใจ ย่านุ่นกลับมาอยู่ตามเดิม คือที่เรือนหลังเล็ก แต่นิ้งน่ะซีครับ ทำไงก็ไม่ยอมไปเฝ้าหรือดูแลย่านุ่นอีกแล้ว

อีกสองวันนิ้งก็ร้องไห้มาขอลาออก แม่ผมก็อนุญาตเพราะเห็นใจ

แม่ให้ป้าแช่มแม่ครัวไปดูแลแทน แต่ป้าแช่มส่ายหัวดิกๆ ปกติแกเรียบร้อยให้ทำอะไรก็ทำ และกลัวย่าผมน่าดู มาคราวนี้ย่าเลยต้องออกโรงมาบอกแก ป้าแช่มก็น้ำตาคลอ ย่าเลยพูดไม่ออก ผมกับน้องๆ ผวาสุดขีด จนแม่กับย่าปรึกษากันว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละงานนี้

คืนแรกๆ ย่าผมเป็นคนลงไปนอนกับย่านุ่น พูดเสียงแข็งว่าจะกลัวอะไรกันย่านุ่นน่ะพี่สาวแท้ๆ ไม่ใช่คนอื่น...ก็แค่ตายแล้วฟื้น!

แต่คืนต่อมาย่าผมก็สารภาพว่าไม่ไหว...นอนไม่ลงเลย! ไม่กล้าหลับ ไม่กล้าปิดไฟ หลับตาทีไรก็นึกถึงภาพตัวเองพยายามปิดตาย่านุ่นในวันนั้น! แค่คืนเดียวกับย่านุ่นก็นับเป็นประสบการณ์สยองสุดขีดในชีวิตแล้ว

ผมเห็นขนแขนคุณย่าลุกเกรียวเชียวละครับ!

เป็นอันว่า ในวันต่อมาย่าให้แม่ติดต่อบ้านพักคนชรา ส่งย่านุ่นไปอยู่โดยต้องมีค่าใช้จ่ายเดือนละเป็นหมื่นๆ

ย่านุ่นไปอยู่บ้านพักคนชราได้สองวันเท่านั้น หลับแล้วไม่ตื่นอีกเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าแกดูแปลกๆ กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ของย่านุ่นดูจะแข็งๆ พิกล ทั้งๆ ที่ตรวจสุขภาพแล้วก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นโรคภัยไข้เจ็บ

พวกเรางงว่าย่านุ่นตายแล้วฟื้นมาทำไม? หรือว่าตอนสำลักน่ะย่านุ่นแค่ตกอยู่ในภาวะโคม่า?

ไม่ว่าจะอย่างไรเราไม่ต้องการเหตุผลแล้วละครับ พ่อผมสั่งรื้อเรือนไม้เอาไปถวายวัด ส่วนที่ตรงนั้นก็ปลูกดอกไม้ ปลูกผักสวนครัว...ผมอยากจะบอกไปถึงย่านุ่นว่าพวกเรารักย่าเสมอ แต่แบบนี้ทำใจไม่ได้จริง...โธ่! เล่นเอากลัวผีขึ้นสมองน่ะซีครับ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม