"เด็กซน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปลองของในบ้านร้าง
ผมกับเพื่อนๆ อยากรู้ว่าผีมีจริงรึเปล่า? เราจะรู้คำตอบได้ยังไงล่ะครับ ถ้าไม่ได้ไปพิสูจน์ให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ด้วยตัวเอง?
พอดีในซอยบ้านเจ้าโอ-เพื่อนซี้ของผมก็ดันมีผีบ้านร้าง เขาลือกันว่าผีดุน่าดู คนในบ้านฆ่ากันตายเพราะความหึงหวง ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้บ้านนี้หรอก แต่พวกผมมีแผนสุดเจ๋ง ไอเดียกระฉูดขึ้นมา
เราเรียกว่าแผนตามล่าหาผีครับ!
วันที่เราเลือกปฏิบัติการคือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2549 ตรงกับวันวิสาขบูชา พระจันทร์เต็มดวงสวยแจ่ม เหลืออีกแค่สองวันเราจะเปิดเทอมขึ้น ม.6 แล้ว วีกเอ็นด์สุดท้ายนี้ขอสนุกกันให้เต็มที่
เผลอๆ ตอนไปโรงเรียนวันแรก เราจะได้มีเรื่องสยองไปโม้ให้เพื่อนๆ มันอิจฉาตาลุกกัน...เรื่องผีนี่ใครจะไม่ชอบฟังล่ะครับ?
ทีมเรามีด้วยกัน 4 คน คือ ผม, โอ, เอก และมด ผมขอแม่ไปค้างบ้านโอ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านผมนักหรอก แม่บอกว่าอย่าซนนะ! คำว่าซนของแม่สำหรับเด็กโตอย่างผมก็คืออย่าริชวนกันกินเหล้า สูบบุหรี่ หรือไปเที่ยวสถานบันเทิง
แม่ไว้ใจผมได้ระดับหนึ่ง เพราะรู้ว่าผมไม่ชอบเรื่องแบบนั้น และรู้ด้วยว่าแก๊งผมน่ะชอบทำอะไรที่สร้างสรรค์...ผมชอบถ่ายรูป โอชอบเลี้ยงแมงมุมแปลกๆ เอกกับมดเก่งทางเรื่องคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ต่างๆ เรามักจะไขว่คว้าหาความรู้ ผมเองก็ชอบเอาผลงานไปอวดแม่เป็นประจำ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน! ผมเตรียมกล้องดิจิตอลตัวเก่งของผมไป แม่คงคิดว่าผมจะถ่ายรูปแมงมุมสวยๆ มาให้ดู...อาจเป็นได้ ถ้าว่างผมจะให้เจ้าโอจับแมงมุมตั้งท่าให้ผมถ่าย แต่ก่อนอื่น ผมจะเอากล้องยุคโลกาภิวัตน์ไปจับผีครับ
ผมไปถึงบ้านเจ้าโอแต่เช้า เอกกับมดมาสมทบกันครบหน้าตอนบ่ายๆ พอกินบะหมี่ต้มยำกันเสร็จ เราก็ไปเซอร์เวย์...สำรวจสถานที่
บ้านร้างอยู่ห่างจากบ้านโอไปราวๆ 50 เมตรเป็นบ้านไม้เก่าๆ ไม่ได้ทาสีทำให้ดูมืดทึม ทั้งๆ ที่ยังเป็นกลางวัน ถ้าเป็นตอนกลางคืนจะแค่ไหนเนี่ย? ไม่มีคนอยู่บ้านนี้มาเกือบปีแล้ว
ภายนอกรอบๆ ตัวบ้านมีต้นหญ้าขึ้นสูงน่ากลัวงู ต้นแก้ว ต้นฝรั่งไม่มีคนดูแล ต้นพริกหงิกงอตายซาก
ภายในบ้านฝุ่นเยอะ แต่ไม่เขรอะเท่าที่คิด เพราะไม่มีสมบัติอะไรมากมาย...เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องรับแขก ยังมีเก้าอี้และโซฟาเก่าๆ วางอยู่ ด้านในเป็นห้องกินข้าว มีอ่างล้างจานและตู้เย็นที่เปิดฝาตู้ทิ้งไว้แถมยังมีทั้งแก้วน้ำ จานชามวางอยู่บนชั้นอีกด้วย
บันไดขึ้นชั้นสองอยู่ชิดฝาผนัง ผมกับเพื่อนๆ เดินขึ้นไปด้วยใจระทึก...กลัวว่าจู่ๆ จะมีใครโผล่พรวดออกมาร้อง "แว่!!" น่ะซีครับ มีหวังตกบันไดไปตามๆ กัน
ชั้นสองมีห้องพระเล็กๆ มีพระพุทธรูปอยู่ 2-3 องค์ เห็นแล้วค่อยอุ่นใจหน่อย...จากนั้นก็เป็นห้องนอน 2 ห้อง...ในห้องหนึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ!
บ่ายนั้น พวกผมเดินเข้าไปในห้องที่เขาฆ่ากันตาย สามีแทงภรรยาตายคาเตียง...นั่นไงครับ ที่นอนยับยู่ยี่ หมอนก็ยังอยู่ที่เดิม เลือดเปรอะไปทั่ว และกองเป็นรอยสีดำๆ อยู่เต็มด้านหนึ่งเตียง ผมเห็นรอยเลือดสาดกระเซ็น โดนผนังและผ้าม่าน พัดลมตั้งพื้นล้มตะแคงมีหยดเลือดด้วย และนั่น...ผมใจเต้นระทึกเมื่อจ้องมอง
รูปของสามีภรรยากอดตระกองกันอยู่บนหน้าผาภูกระดึง เห็นหน้าพวกเขาชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่าตายแล้วผู้หญิงถูกแทง ผู้ชายดื่มยาฆ่าแมลงขาดใจตายในห้องนี้เช่นกัน!
สองทุ่มตรง ผมกับเพื่อนๆ ไปถึงที่นั่น ยอมรับว่ากลัวน่าดู เราทั้ง 4 เข้าไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมกันบนโซฟาเก่าๆ ในห้องชั้นล่างท่ามกลางความมืด...แผนคือ เราจะนั่งทำใจรวมกัน 4 คน สักพัก เมื่อทำใจได้แล้ว ผมจะเป็นคนแรกที่ขึ้นไปชั้นบน และนั่งอยู่ในห้องนั้นหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็จะลงมา ผลัดให้คนอื่นขึ้นไปอยู่ตามลำพังทีละคนจนครบ
เราจะมาสรุปผลตอนราวๆ ตีหนึ่งตีสอง จากนั้นก็จะมานอนรวมกันที่ห้องชั้นล่าง ดูเหตุการณ์จนเช้า
ขณะเตรียมใจ เอกแนะนำว่า ก่อนอื่น เราควรนั่งสมาธิ ทำใจให้นิ่งเพื่อจะติดต่อกับวิญญาณได้ดีขึ้น...ยังไม่ทันขาดคำ เราได้ยินเสียงคนเดินอยู่ชั้นบน!
"ใครน่ะ?" เราร้องเกือบพร้อมกัน ใจผมกลัวคนมากกว่ากลัวผี ยังคิดว่าอาจมีโจรขโมยหรือบ้ามาแอบนอนที่บ้านนี้
เรื่องที่คิดว่าเสียงนั้นเป็นคนเป็นๆ สะดุดขาดตอนไปเลย เมื่อเราได้ยินเสียงทะเลาะกัน มันดังชัดเหมือนของจริง...พวกผมได้ยินทุกคำ! เรานั่งตัวแข็ง เงยหน้าจ้องเพดาน ผมลืมหายใจรอฟังเสียงกรี๊ด หวีดร้องแต่ไม่มี...เราได้ยินแต่เสียงคนสู้กัน!
พวกเขากลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้นห้อง เสียงดิ้นรน และคนหนึ่งทุ่มอีกคนหนึ่งลงบนเตียง...เขาคงกระหน่ำแทงเธอ เสียงหนักๆ ตามมาด้วยเสียงมีดตกลง
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงห้านาทีได้ละมังครับ พวกผมไม่มีแก่ใจจะดูเวลาหรอก เรามัวแต่ตะลึงก้าวขาไม่ออก โอเป็นคนแรกที่ได้สติ แล้วพยายามจะช่วยกันลากเจ้ามดที่ช็อกสุดขีด (กว่าเพื่อน) ออกจากบ้าน
ไม่ต้องสงสัย ผมรู้แล้วว่าโดนผีหลอก! ผีมีจริง! แต่ผมไม่มีหลักฐานพิสูจน์...ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปสักแชะเดียว เพราะมัวแต่กำกล้องไว้แน่น เดชะบุญมันไม่ตกหายอยู่ในบ้านนั้น
เราเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง ไม่มีใครเชื่อ เขาบอกแต่ว่าเรื่องนี้สนุกดี น่ากลัว! ก็แค่นั้น...ช่างเถอะครับ ผมเข็ดแล้ว ไม่กล้าไปพิสูจน์ผีที่ไหนอีกแล้ว สาบาน!
คอลัมน์ ขนหัวลุก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น