ป้ายกำกับ

ซอยขนส่ง ผีดุ


"คนซอย 18" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อศาลคู่แผลงฤทธิ์

บ้านผมอยู่ตรงข้ามกับสวนจตุจักรนี่เองครับ ถ้าจะเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ พหลโยธิน 18 แต่ชาวบ้านชอบเรียกง่ายๆ ว่าซอยขนส่ง เพราะอยู่ติดกับกรมการขนส่ง...ตรวจสภาพรถ ต่อทะเบียนรถก็ต้องมาที่นี่แหละ

คนเก่าคนแก่หลายๆ คนเรียกว่า...ซอยผีดุ! ถ้าจะสังเกตให้ดีก็คงพบว่าไม่ใช่คำพูดที่เลื่อนลอยเกินไป เพราะมีอะไรๆ หลายอย่างที่ทำให้น่าขนลุกขนพองเอาการ

ตั้งแต่สมัยก่อนเคยเป็นทุ่งนารกร้าง เพิ่งจะมีชุมชนหนาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อผ่านกึ่งพุทธกาลได้ไม่นาน มีคนไปสร้างบ้านเรือนในย่านนั้น (ละแวกสะพานควาย) เกิดพบโครงกระดูกก็มี ซากศพเน่าเปื่อยก็หลายราย

ที่น่าสยดสยองก็คือศพที่กำลังขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นตลบจากพงหญ้าบ้าง ดงไม้ล้มลุกรกทึบบ้าง ส่วนมากเป็นศพนิรนามทั้งนั้น!

คือถูกฆ่าทิ้ง หรือนำศพมาทิ้งไว้ที่นั่น...จับมือใครดมไม่ได้หรอกครับ



คนเก่าๆ เล่าว่า ถ้ามีเด็กๆ ล้มตายก็มักจะฝังเอาไว้แถวโคนต้นไม้แถวนั้นแหละ ไม่ต้องเอาไปเผาที่วัดไผ่ตันให้ยุ่งยาก บางคนก็สันนิษฐานว่าคงจะทำตามธรรมเนียมของคนอินเดียที่ไม่เผาศพเด็กกับนักบวช แต่นำใส่เรือไปหย่อนร่างลงในแม่น้ำคงคา

นอกจากเรื่องผีที่ตายซับตายซ้อนมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พัน ในซอยนั้นยังมีต้นโพธิ์ใหญ่ที่ชาวบ้านนับถือมาก ขนาดกรมการขนส่งมาตั้งที่นั่น สร้างกำแพงสูงใหญ่แข็งแรงยังไม่กล้าโค่นต้นโพธิ์ทิ้งเลยครับ ต้องก่อกำแพงรั้วเบียดติดต้นโพธิ์เก่าแก่นั่น ชนิดไม่รู้ว่าใครจะพังก่อนใคร! คิดดูเถอะว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน?

เรื่องการบนบานศาลกล่าว ขอให้ถูกหวย ขอให้ได้ของรักกลับคืน จนถึงไม่ต้องโดนเกณฑ์ทหาร เป็นที่ขึ้นชื่อลือชานัก มีผ้าเขียวผ้าแดง ผ้าเหลือง หลากสีสันทั้งเก่าและใหม่พันอยู่เต็มโคนต้นไปหมด

ไหนจะพวงมาลัยกระดาษกับดอกไม้สด ธูปเทียนวอมแวมตอนค่ำคืน!

ที่น่าหนาวสันหลังก็คือตุ๊กตาแก้บนเกลื่อนกลาดเต็มโคนต้น มีคนเล่าว่าเดินเข้าซอยมาตอนดึกๆ เพราะมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับกันหมด เคยได้ยินตุ๊กตาเจ้ากรรมนั่นหัวเราะคิกคัก บางคนก็กับเคยเห็นพวกตุ๊กตาดินเผาเก่าแก่ แขนขาขาด ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นให้ชมเล่นเป็นขวัญตา

วิ่งกระเจิง วิ่งไม่คิดชีวิตไปตามๆ กันน่ะซีครับ

ยิ่งกว่านั้น ตรงสุดซอยที่มีทางแยกทั้งซ้ายและขวา ยังมีต้นหางนกยูงโดดเด่นเคียงคู่กันอยู่ 2 ต้น หน้าร้อนสลัดใบอวดดอกแดงสะพรั่ง สวยงามอร่ามตาเชียว แต่ตอนกลางคืนมักส่งเสียงหวีดหวิวกับสายลม ฟังเหมือนผู้หญิงสองคนกำลังร้องไห้ สะอึกสะอื้นคร่ำครวญด้วยความทุกข์โศก...

บางคนจ้องมองด้วยความสงสัย ก็เห็นผู้หญิงสองคนยืนมองมา...อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับสองสาวนุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าแถบ ผมยาวประบ่า ยื่นหน้าเข้ามาหาคอยาวเป็นศอก เล่นเอาเผ่นกระเจิง จับไข้แทบหัวโกร๋นไปเลย

เท่านั้นยังไม่พอ! เลี้ยวซ้ายไปหน่อยก็เจอะเจอเอาศาลพระภูมิคู่เข้าอีก!

เหตุผลก็เพราะศาลแรกตั้งอยู่ริมรั้วหน้าบ้านที่ร้างไปแล้ว แต่ศาลหลังอยู่หน้าตึกแถวเก่าแก่ คนดวงซวยเล่าว่าเคยเห็นใครก็ไม่ทราบ โผล่ออกจากศาลมาคุยกันกลางดึก แถมส่งเสียงหัวเราะคิกคักอีกต่างหาก...กว่าจะเตลิดถึงบ้านได้ก็หวิดหัวใจล่มสลายไปเลย

เมื่อเร็วๆ นี้ทางกรมการขนส่งได้เปิดด้านหลังขึ้นมาเป็นสถานที่ตรวจสภาพรถใหม่เอี่ยม ทำให้ย่านนั้นหายเปลี่ยวไปพะเรอแน่ะ

จะเสียอยู่หน่อยก็ตรงบริเวณข้างๆ เป็นที่รกร้างว่างเปล่า คะเนว่าประมาณ 50-60 ตารางวา ก่อนจะถึงตึกแถวเก่าๆ เรียงรายไปถึงสถานีขนส่งหมอชิดเดิม มีทั้งร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ ร้านเกี๊ยวบะหมี่ ขนาดโรงเรียนสอนขับรถยนต์ยังมีเลยครับ

ตึกแถวแต่ละช่วงจะมีซอยแคบๆ สั้นๆ ราว 5-6 ซอย แถมในซอยนั่นก็ยังมีตึกแถวกึ่งทาวน์เฮ้าส์ ตอนกลางวันดูสงบเงียบดี แต่ตอนกลางคืนค่อนข้างมืด ต้นไม้ใหญ่จากหมู่บ้านทางขวามือแผ่กิ่งก้านร่มครึ้ม น่าวังเวงใจพิลึก

ผมมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งชื่อลุงผุด เป็นช่างไม้มาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ถนัดทางปลูกบ้าน ลุงผุดชอบยาดองของเมามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตกค่ำกลับมาเป็นต้องได้กลิ่นเหล้าหึ่ง แกบอกว่าทำงานทั้งวันต้องแก้เหนื่อย แต่วันที่ไม่มีงาน ตกเย็นแกก็ล่อเหล้าขาวหรือไม่ก็เชี่ยงชุน บอกว่าอยู่เฉยๆ เลยต้องกินเหล้าแก้รำคาญ

พวกหนุ่มๆ เรียกแกว่าตาผุดขี้เมา แกเคยด่าว่า กูไปเมาบนหัวมึงหรือ? แต่ผมเรียกแกว่า "ขาเมา" ลุงผุดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจจนเห็นฟันหรอ บอกว่าฟังแล้วโก้ดี

แกเคยให้ความรู้ผมว่า ช่างปลูกบ้านที่เก่งจริงๆ เขาดูกันที่ "บันได" ใครจะอวดว่าเก่งแค่ไหนแต่ทำบันไดบ้านไม่เป็นถือว่ายังไม่เป็นช่าง ถ้าพอจะทำบันไดได้แต่ไม่เรียบร้อยสวยงาม ก็เรียกว่ายังไม่เก่งจริง

เมื่อพูดถึงผีดุตรอกเรา ลุงผุดจะหัวเราะขบขันทันที

"ข้าอยู่มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ยังไม่เห็นเจอ ถึงจะกลับค่ำมืดดึกดื่นแค่ไหนก็ไม่มีอะไร ทั้งต้นโพธิ์ ทั้งหางนกยูงคู่ ศาลคู่...เมามากเมาน้อยก็ไม่เคยเห็นเลยว่ะ"

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี้เอง ลุงผุดเพิ่งไปช่วยหัวหน้าเขาเก็บงานถึงบางพลัด กว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น แต่รุ่งขึ้นว่างงานแกก็มาเล่าให้ผมฟังว่า...เมื่อคืนเมามา ฝนก็ตกพรำๆ จนอยากจะนั่งมอเตอร์ไซค์แต่ไม่เหลือซักคันจนต้องเดินกลับ

ผ่านต้นโพธิ์ทะมึนนึกใจหายชอบกล จนมาถึงหางนกยูงคู่ขนลุกอย่างไม่เคยเป็น ครั้นถึงศาลคู่ก็รู้สึกเงียบเหงาวังเวงใจบอกไม่ถูก ได้ยินคล้ายคนพูดคุยกันดังมาจากในศาล ชักสร่างเมาเลยหยุดจ้องมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรน่ากลัวจนกระทั่งถึงบ้าน

ผมฟังแล้วขนหัวลุกซ่าเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ถามว่าลุงเห็นศาลคู่ได้ไงล่ะ ในเมื่อเขารื้อศาลนอกไปแล้ว เหลืออยู่ศาลเดียว...ลุงผุดอ้าปากค้าง วิ่งอ้าวไปดูให้แน่ใจก่อนจะวิ่งตาเหลือกกลับมา...วันนั้นลุงผุดขาเมาซดเหล้ามือไม้สั่นตั้งแต่ก่อนเที่ยงแน่ะครับ!

คอลัมน์ ขนหัวลุก

1 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องจริงหรือแต่งเรื่องขึ้นมาคะเนี่ยน่ากลัวมากเลยค่ะ

    ตอบลบ

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม