ป้ายกำกับ

วิญญาณมารายงานตัว

เรื่องเล่าหลวงพ่อจรัญ

อาตมามีเรื่องวิญญาณจะเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึง เป็น เรื่อง วิญญาณมารายงานตัวเพื่อเจริญกรรมฐานที่วัดอัมพวัน เมื่อปีพ.ศ. 2525 -2526 เขาคือ วิญญาณของนายวิโรจน์ ปัญจบุรี

จำเป็นจะต้องกล่าวประวัติของนายวิโรจน์สักนิดหน่อย นายวิโรจน์ ปัญจบุรี เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2503บ้านเลขที่ 91/1 ถ. ประตูชัย ต. เวียง อ. เมือง จ. พะเยา บุตรนายวิรัตน์ นางมอนแก้ว ปัญจบุรี มีพี่น้องร่วมท้องกัน 4 คนนายวิโรจนเป็นคนที่สอง มีการศึกษาดี เรียนดีตลอดมา คือจบสายสามัญจากโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พ.ศ. 2520 ศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับประกาศนียบัตร วิชาการศึกษาชั้นสูงวิชาเอกพลศึกษา เมื่อ พ.ศ.2524 และ ได้รับปริญญาครุศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาเอกพลศึกษา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2526

เมื่อเดือนตุลาคมปี 2525 ระหว่างที่นายวิโรจน์เป็นนักศึกษา วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนนักศึกษามาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจ ที่วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี จัดโดยสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ มีผู้แทนนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศมาเข้าค่าย 7 วัน มาเจริญวิปัสสนากรรมฐานนายวิโรจน์ปฏิบัติได้ดีมาก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ เป็นคนไม่ข้องแวะกับอบายมุขเลย

นายวิโรจนมีแฟนคนหนึ่งเป็นคนจังหวัดเดียวกัน เขารัก กันมาก เมื่อเรียนจบแล้ว วิโรจน์สอบบรรจุได้เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยครูเชียงราย แฟนของวิโรจน์สำเร็จ ปวช. เรียนต่อ ปวส.แล้วลาออกไปทำงานที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดพะเยา



ต่อมาปี 2526 เขามีโครงการอบรมกันที่วัดอัมพวันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อธิบดีสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธฯผู้จัดการอบรมได้เชิญ รัฐมนตรี ร.ต.ท. ชาญู มนูธรรมมาเป็นประธานในพิธีเปิด จะนำเครื่องบินมาลงที่นี่ อาจารย์สมเดช มุงเมืองซึ่งเคยมาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจที่วัดอัมพวันสมัยเป็นนักศึกษาปกศ. สูง ต่อมาเรียนสำเร็จปริญญาโทเป็นอาจารย์วิทยาลัยครูเชียงราย อาจารย์สมเดชชวนนายวิโรจน์ว่า"ไปไหม" วิโรจน์บอกว่า"ไปแน่ เพราะเจริญสติปัฏฐานที่แล้วมันซาบซึ้งใจเหลือเกินอาจารย์สมเดชบอกให้นายวิโรจน์ไปเป็นวิทยากรและช่วยควบคุมนักศึกษาที่วัดอัมพวัน นายวิโรจน์บอกยินดีมาก

วิโรจน์ได้ไปชวนแฟนคือกัลยาให้มาอบรมด้วย แต่กัลยา ปฏิเสธบอกว่า"คุณไปก่อนเถอะ เอาไว้แก่คราวคุณย่า - คุณยายเสียก่อน" กิริยาไม่สนใจไป

วิโรจนก็เตรียมกระเป๋า 2 ลูก มีเป้ กระติกน้ำร้อน- น้ำเย็น พร้อมพอดีจะต้องไปเล่นกีฬาแล้วถึงจะมาเขาก็เตรียมกระเป๋าเรียบร้อยตั้งใจมั่น จะไปแน่มีศรัทธา 100% จะมาอบรมที่วัดอัมพวันวันที่ 21 ตุลาคม 2526 5 วัน 5 คืน จะนำนักศึกษามาประมาณ100- 200 คน

16 ตุลาคม 2526 ก่อนถึงกำหนดจะไปวัดอัมพวัน 5 วัน วิโรจน์ขี่จักรยานยนต์ไปรับแฟนให้แฟนซ้อนท้ายมาเดชะกฎแห่งกรรมดลบันดาลรถชนทันที วิโรจนตายคาที่ แฟนก็ไปตายที่โรงพยาบาลวิโรจน์ตายหัวเละไส้ทะลัก มอเตอร์ไซค์พัง แฟนตายวันรุ่งขึ้นคือ 17 ตุลาคม 2526 ญาติตั้งศพที่วัดในหมู่บ้านแยกกันของใครของมันไม่ได้ตั้งรวมกัน


วิญญาณแยกออกจากร่าง

พอตายแล้วนายวิโรจน์เล่าว่า เขาตั้งสติของเขาดี เขาออก มายืนพิจารณาสังขารของเขาว่าหัวเละไส้ออกไปแล้ว และเขาก็มายืน เขามีสติครบ นี่ไม่ใช่ว่าศพตายแล้ววิญญาณจะอยู่ตรงนั้นนะเดี๋ยวญาติโยมจะเข้าใจผิด และเวลาที่ใส่หีบโลงเข้าแล้ว วิญญาณคงอยู่ในโลงศพ ไม่ใช่ เขายืนยันเลย เขาก็ตามไปยังที่ตั้งศพของเขาอาบน้ำศพเขาก็ยืนดู หัวเละก็ดูสังขารของเขา อาบน้ำศพตามประเพณีเขาก็รู้หมด และก็เอาศพใส่หีบตั้งบำเพ็ญกุศล พระก็เริ่มสวดบำเพ็ญกุศล มีสวดพระอภิธรรม

อาตมาก็ถามว่า" พอตั้งศพแล้ววิญญาณไม่อยู่ตรงนั้นเหรอ เขาบอกว่า"ไม่อยู่ บางทีเราก็เคาะโลงบอกว่า"แม่ออกมาพระจะสวด"แม่ทานอาหารเสีย" ก็เคาะกันไป ดีเหมือนกันกตัญญูรู้พระคุณ แต่ที่จริงแล้ววิญญาณออกมาหาได้อยู่ที่เรือนร่างไม่หรอกความจริงเป็นอย่างนี้

ในที่สุดพอตั้งศพเรียบร้อยดีแล้ว วิญญาณนายวิโรจน์ก็มา ถึงนี่ทันที วิญญาณนายวิโรจนมาถึงวัดอัมพวัน ญาติโยมโปรดฟังจิตเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา จิตเศร้าหมอง แล้วทุคติเป็นที่หวังได้ จิตฺเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา จิตไม่เศร้าหมองแล้วสุคติเป็นที่หวังได้

จิตนี้จะไปไม่ติดไฟแดง ไม่มีเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาถึงเลย อย่างโยมนั่งหลับตานึกถึงบ้านถึงเลย นึกถึงที่นอนเราถึงเลย นึกถึงครัวก็ถึงเลย เหมือนอย่างโยมนั่งพักอยู่ที่นี่ จะไปที่หอฉันรับประทานอาหาร มันจะเลี้ยวตรงนี้หยุดตรงโน้นไม่ได้ มันจะถึงเลย นั่งเก้าอี้ตรงไหน ก็ถึงตรงนั้น มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ

ในที่สุดเขาก็มาถึงวัดอัมพวัน ในวันที่ 16 ตุลาคม 2526 นั่นเอง พอดีที่นี่มีอบรมนักศึกษาวิทยาลัยครูเทพสตรี และปิดการอบรมในวันนั้น ที่หอประชุมมีเก้าอี้อบรมทั้งวิชาการ มีปฏิบัติกรรมฐานน้อย ยังไม่ได้ปฏิบัติกันเคร่งครัดอะไร สมัยนั้นเมื่อพ.ศ.2526 ปฏิบัติยังไม่เคร่งครัด ก็มีโต๊ะเก้าอี้ พอวิทยาลัยครูเทพสตรีอบรมเสร็จออกไปแล้ว ก็ทำความสะอาดกัน ตอนนั้นมีพระภิกษุปริญญาโทหนึ่งรูป ปริญญาตรีหนึ่งรูปมาบวช 15 วัน ไม่ได้สนใจมาเจริญกรรมฐาน ต้องการมาบวชพักผ่อนดูหนังสือ จะไปอเมริกาจะไปต่อปริญญาเอก ไม่ได้มานั่งกรรมฐาน

อาตมาก็บอกว่า นี่คุณต้องการจะไปเรียนหนังสือต่อ ควรนั่งกรรมฐานเสีย จะได้ไปเรียนสำเร็จ มีปัญญาดี"โอ๊ยผมไม่สนใจหรอก ผมจะดูหนังสือ จะต้องเดินทางไปอเมริกา" องค์ปริญญาตรีก็เหมือนกัน แต่เขาก็ขยันดี มาช่วยกวาด ตอนนั้นยังไม่มีพรม ที่มีพรมนเพราะคุณแม่สิริ กรินชัยพาพวกโยมมา ในรายการยุวพุทธิกสมาคมฯ เลยก็มีพรมปูให้นั่งก็ได้อานิสงส์ขึ้น ก็นั่งกวาดโน่นกวาดนี่ ที่พรมไม่มีก็ใช้เสื่อปูเอาและเอาเก้าอี้ตั้ง เมื่อเอาเสื่อออกฝุ่นเยอะแยะ ก็ทำความสะอาดกันปัดกวาด อะไรทำนองนี้ อาตมานั่งบนเก้าอี้ พระปริญญาโทปริญญาตรีก็มาช่วยกวาดอยู่ใกล้ ๆ

ตอนเย็นมากแล้ว พวกที่เลิกอบรมกลับกันไปแล้ว สักประเดี๋ยว มาแล้ววิโรจน์ถือกระเป๋ามา 2 ลูก เป้ก็วางอยู่มากราบอาตมา

อาตมาก็ถาม" เอ้า! มาอย่างไรกันนี่ เขาบอก มาอบรม มาอบรมอะไรยังไม่ถึงเวลาอีกตั้งหลายวัน เริ่มวันที่ 21 ตุลาคม2526 นี่เพิ่งวันที่ 16 ตุลาคม 2526 มาอย่างไร" เขาก็รายงานตัวเลย

"กระผมวิโรจน์ครับ หลวงพ่อจำได้ไหม"

อ๋อ ! จำได้คลับคล้ายคลับคลา

ก็ผมมาอบรมไงเล่า ผมนั่งเจริญสติปัฏฐานสี่ นั่งน้อย แต่ผมก็กลับไปนั่งที่บ้าน ผมสนใจมากครับ จะมาตอนนี้ผมก็บอกบอกกับ อ. สมเดช มุงเมืองไว้ บอกต้องมาแน่ ถึงยังไงก็มาและผมก็อุตส่าห์ไปชวนแฟน เขาก็เล่าถึง น.ส.กัลยา ให้ฟังว่า เขาไม่มาหรอกครับ ผมก็ต้องมาคนเดียวแล้วเขาก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2526 ผมขับมอเตอร์ไซค์เอาแฟนซ้อนท้าย ไปถูกรถชนเละตายแล้ว...อาตมาขอแทรกตรงนี้ ที่บอกว่าตายอยู่กลางถนนรถชน แล้ววิญญาณอยู่ตรงนั้นไม่จริงเสมอไปคนที่จะอยู่เฝ้าตามถนนหนทาง คือพวกสัมภเวสี ไม่มีสติ คนที่ไม่ได้ฝึกอะไรไว้ ตายที่ไหนแล้วมักจะหาที่อยู่ไม่ได้ ไม่ได้สร้างบุญกุศลไว้ เรียกว่าสัมภเวสี ตัวตายด้วยอำนาจโลภะเป็นเปรตอสุรกาย ถ้าตายด้วยอำนาจโทสะ ส่วนมากเป็นโยมผู้หญิงเคียดแค้นกับสามีเรื่องสาวเป็นผีดิบ ไปเที่ยวกินเลือดผู้ชาย สำหรับอสุรกายตายด้วยอำนาจโลภะ มันจึงจะเป็นสัมภเวสี มันจึงจะเฝ้าที่

ยกตัวอย่างง่ายบางระจัน นายจัน หนวดเขี้ยว ขุนสรรค์ พันเรือง เป็นต้น อย่าลืมนะที่ค่ายบางระจัน ตายด้วยอำนาจโทสะกำลังรบพุ่งชิงชัย กำลังมีอำนาจโทสะต่อต้านกันเลยล้มหายตายเฮี้ยนมาก เมื่อสมัยก่อนนั้น ใครจะไปเอาไม้แดงที่วัดโพธิ์เก้าต้นไม่ได้นะ และน้ำสระหลวงพ่อ อาจารย์ธรรมโชติใครจะไปตักไม่ได้เอาไปใส่กา การะเบิดเลย และอีกดอกจันเก้าตราใครไปเอาต้องเอาไปคืน อาตมาก็เคยไปเอาแต่ไม่คืน เพราะอาตมาพูดกันรู้เรื่องจำไว้ แต่นี่จะไม่เล่าเรื่องดอกจันเก้าตรา

อาจารย์ธรรมโชติ ไม่ได้เป็นอาจารย์อยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น เป็นพระอยู่วัดเขาขึ้น อำเภอเดิมบางนางบวช ทางบางระจันไปนิมนต์ให้มา มาอยู่วัดโพธิ์เก้าต้นมาช่วย ไม่ใช่คนบ้านนั้น สมภารชื่ออาจารย์คง วัดโพธิ์เก้าต้น อาตมารู้ประวัติ เลยก็ว่าอาจารย์ธรรมโชติเป็นเจ้าของวัดโพธิ์เก้าต้น ที่จริงไม่ใช่ อาจารย์ธรรมโชติท่านเก่งทางฌาน ท่านเก่งหลายอย่าง อะไรทำนองนี้ โยมจำไว้ตายด้วยอำนาจโทสะ จึงต้องเฝ้าอยู่ตรงนั้นนะ เฝ้าเฮี้ยน ดุด้วยนะดุแยกเขี้ยวยิงฟันด้วย ใครไปเอาของไม่ได้ ตายเลย แต่เดี๋ยวนี้ทำไม ไม่เฮี้ยน

ในเวลากาลต่อมาพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ สร้างค่ายขึ้นมาแล้ว ถวายพระราชกุศล ในหลวงเสด็จมาทั้งสี่พระองค์ มีการสร้างตัดลูกนิมิต ถวายพระราชกุศล เลยวิญญาณก็ไปเกิดแล้วจะไปเฮี้ยนได้อย่างไร ทำไมวิญญาณไม่เฮี้ยน ก็ได้เกิดหมดแล้ว

อาจารย์วิโรจน์บอกตรงกันเลย บอกหลวงพ่อผมไม่ใช่ สัมภเวสี นี่คุยกับผีเห็นกันหลายคนนะ ไม่ใช่โรคประสาท พระเห็นกันหมด กำลังทำความสะอาด เป็นที่น่าสังเกตว่า รู้ว่าเขาเป็นวิญญาณอย่างไร ฟังต่อไป

ตอนที่มานั่งคุกเข่า อาตมาไม่รู้หรอกว่าเข้ามาตอนไหน เพราะพระมัวกวาดกัน มาถึงมานั่งแล้วเข้ามาทางหน้าหอประชุมมากราบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ หนหนึ่งแล้วรายงานตัวเลย บอกกระผมมาจากเชียงรายครับ หลวงพ่อจำได้ไหมวิโรจน์ครับก็ใครจะไปจำได้ นักศึกษาตั้งเป็นร้อย ๆ จำไม่ได้หรอก บอก"จำได้คลับคล้ายคลับคลา"

"ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อไงล่ะ มานั่งเจริญสติปัฏฐานสี ยังไม่ครบ"

"ทำไมถึงมาก่อนกำหนดวันเขาล่ะ" เขาจะเข้าวันที่ 21 ตุลาคม นี่นา นี่เพิ่งวันที่ 16 ตุลาคมเท่านั้นเอง

"ผมได้ตายแล้ว ! พระนั่งเลยเอาไม้กวาดวางพอได้ยินเสียง "ผมได้ตายแล้ว" ก็นั่งกัน ก็ดู เอ ! ผีก็ไม่ใช่ ทำไมไม่ใช่ผี โยมอย่าเข้าใจผิดนะ ถ้าตาโบ๋แล้วมีมือใหญ่ ๆ นะเป็นผีโทรทัศน์ ผีลิเกจำไว้ ผีลิเกมันออกมาอย่างนี้ เขาทำให้เราดู ถ้าผีจริงต้องมาอย่างนี้เดี๋ยวจะเข้าใจผิด มาอยู่ในวัดนี้ไม่ต้องกลัวผีตาโบ๋ อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผีมั่งเหมือนกัน ตาโบ๋แล้วทำผมยาว ๆ มือใหญ่ ๆ นั่นผีลิเกใส่หน้ากาก แน่นอนที่สุดเลย ถามได้ความรู้อีกเยอะ และพระก็นั่งฟังกัน มีพยานหลักฐานอยู่ครบ พระปริญญาโท ปริญญาตรีเริ่มสนใจแล้ว

อาตมาถามว่า" คุณมาอย่างไร"หลวงพ่อครับ ผมกราบเรียนถวายว่า ผมตั้งใจ มั่นใจเลยผมมาครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ผมเจริญกรรมฐาน ผมก็ตั้งใจแล้วแต่ยังไม่ได้ขั้นตอนครับ ตอนนี้ผมมา 7 วัน 7 คืน อาจารย์สมเดชจะให้ผมเป็นวิทยากรควบคุมนักศึกษา และเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย และผมก็พอดีถูกรถชนตาย ในวันนี้แล้ว ผมก็รีบมาก่อนกระเป๋าที่ผมมานี่ไง ผมเอามาหมด" มีที่ใส่น้ำร้อน น้ำแข็ง เป้คล้าย ทหาร

อาตมาก็ถามว่า" เอาศฬตั้งไว้ยังไง แฟนคุณอยู่ที่ไหน เขาบอกว่า" อยู่อีกวัดหนึ่ง คนละตำบล คนละที่ ไม่ได้ตั้งรวมกัน


"น่าจะอยู่ที่หีบศพ ทำไมถึงมาอยู่อย่างนี้"

เขาบอกว่า" ไม่จริง หลวงพ่อ ไม่จริง อย่าเชื่อว่าอยู่ ที่ หีบศพ เวลาจะสวดก็บอก เวลาจะกินข้าวก็บอก ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ

"ถ้าอย่างนั้น สวดพระอภิธรรม สวดสังคหะ ใครจะฟัง ล่ะคุณ คุณไม่อยู่ฟัง"

เขาบอกว่า"หลวงพ่อครับ สวดให้ญาติที่มีชีวิตอยู่ฟัง ผมไม่ต้องไปฟังหรอก"

พวกเราจำไว้ เพื่อจะไปอย่างนั้นบ้าง จะอยู่ฟังหรือเปล่า อันนี้เรื่องจริง
อาตมาก็ซักไซร้ไล่เลียง ไม่น่าจะสนเท่ห์อะไรแล้ว ก็มัน เป็นกฎแห่งกรรมอันสำคัญ อาตมารู้เรื่องก่อนแล้ว จึงได้เล่าเรื่องให้ อ.สมเดชเขาฟังไว้ก่อน มันมีความหมาย เดี๋ยวจะอ่านจดหมายให้ฟังอีก มีรูปถ่ายด้วย

เขาก็รายงานว่า" หลวงพ่อครับ จิตวิญญาณนี้มันถึงเลยนะครับ" แล้วเขาก็อธิบาย พระปริญญาโทนั่งฟังปากหวอเลยผมต้องมาเจริญวิปัสสนาแน่ เพราะผมตั้งใจแล้วครับหลวงพ่อเพราะเวลาในโลกมนุษย์มีค่าเหลือเกิน

พระปริญญาโทฟัง นั่งนึกพิโธ่เอ๋ย เรามาบวชเราก็ไม่ได้ ขอกรรมฐาน ผีมันยังมาเจริญกรรมฐาน เลยวันนั้นพระปริญญาโทปริญญาตรี เลยได้อบรมพร้อมกันไปด้วย นับว่ามีประโยชน์ดีเหลือเกิน

อาตมาบอก"สวดพระอภิธรรมน่าจะได้ฟัง จะได้กุศล"

เขาบอก"หลวงพ่อครับไม่จริง สวดให้ญาติพี่น้องฟังสวด ให้คนเป็นฟัง แต่วิญญาณนั้นไปสู่สถานแน่นอน คิดดีก็ไปทางดีคิดไม่ดีก็ไปทางไม่ดี แต่กระผมคิดมาก่อนนานแล้วว่าจะมาเป็นวิทยากรที่นี่ และตั้งใจว่าจะมาปฏิบัติต่อ เพราะคราวที่แล้วปฏิบัติเต็มที่เพียง 2 คืนเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น วิทยากรมาผสมมากมายการปฏิบัติก็น้อยลงไป แต่ผมก็ตั้งใจแล้ว" เขาว่าอย่างนี้

"หลวงพ่อครับ กระผมอ่อนใจเหลือเกิน หลวงพ่อหาที่พัก ให้ผมหน่อย พักที่ไหน" "หลวงพ่อครับ มีอะไรเรียกใช้ได้"ขอปวารณาด้วยนะ พระนั่งเป็นแถวเลย

"ไปดูเถอะนะ กุฏิข้างโบสถ์ล่องไปทางใต้เลย ที่ไหนว่า ก็ไป" พระพูดขึ้นว่า" หลวงพ่ออย่าให้พักกุฏิผมนะ ก็ยังไม่แน่ว่าใช่ผีหรือไม่ แต่พระปริญญาตรีบอกว่า"ผมไม่เชื่อเลย อาจจะเป็นคนติดยาเสพติด อาจหลอกลวงเรา แล้วขอพักและจะมาลักของเรา" ท่านก็คิดของท่านไกลดี และก็ลองดูก่อน

เขาบอกว่า" ผมขอพักครับ อ่อนใจเหลือเกิน หลวงพ่อครับ หลวงพ่อทราบไหมครับนักศึกษาจะมาถึงที่นี่เมื่อไร" อาตมาเอาเอกสารมาดู บอกว่า"ห้าโมงเย็น เขาจะมาทานอาหารเย็นที่นี่

"หลวงพ่อเชื่อผมไหม ต้องมาดึก อย่างน้อยต้อง 5 ทุ่ม ทีเดียว หรือ 3 ทุ่มอาจจะมาไม่ถึง"

"เพราะ อะไร"

"เชื่อผมเถอะครับ เขาจะไปดูเขื่อน จังหวัดตาก พานักศึกษา ไปเป็นร้อย ๆ คน กว่าจะมาถึงต้องมืดค่ำครับ ขอหลวงพ่อกรุณาได้บอกแม่ครัวด้วย บอกอย่าเพิ่งทำเลย ทำมืด ๆ เถอะ กับข้าวร้อน ๆ ดี เขาจะได้ทานอร่อย ๆ" ผียังรู้ดีกว่าเรา"ถ้าทำตอน 5 โมงข้าวปลาบูดหมด หลวงพ่อเชื่อผมเถอะ จะมาดึก เขาจะดูเขื่อนจังหวัด ตาก ก่อน"
เขาบอกต่อว่า" เชื่อผมอย่างเดียวหลวงพ่อ ผมแน่นอนกว่าหลวงพ่อ ผมอ่อนใจจัง ผมขอพัก หลวงพ่อจะให้พักที่ไหน" เขาอ่อนใจมาตั้งแต่รถชน

โยมจำไว้ รถชนแล้วออกมายืน เขาฝึกสติของเขา
เขาบอก"หลวงพ่อครับ ถ้าผมไม่มาฝึกไว้บ้าง ผมคงเลเพลาดพาดไปไหนแล้ว ผมตั้งใจเตรียมกระเป๋า เตรียมเครื่องใช้ไม้สอยครบ ในระยะ 5 วันที่มาอบรม พอสมควรแล้ว ที่ผมมาก่อนเนื่องจากรถชนพร้อมกับกัลยาแฟนของผม ที่ได้ทำงานธุรการที่อำเภอแล้ว กระผมก็สอบบรรจุครูได้แล้วที่วิทยาลัยครูเชียงรายครับ ผมขอพัก หลวงพ่อเรียกผมใช้ได้นะครับ จะให้ทำอะไรก็บอกนะ ครับ "

เอ้า! งั้นพักตามใจชอบเถอะ ก็ชี้กุฏิไป"

เขาก็กราบ 3 หน กราบเสร็จแล้ว ก็เอาเป้สะพายเดินออกไป พระปริญญาโทนอนเลย อาตมาก็ต้องนอนบ้าง ดูซิ เดินลอยไปบนพรมเลย เหนือพรม 1 นิ้ว ไม่ถึงพื้นที่ที่น่าสังเกตคือ ตาคว่ำแววตาไม่มี สังเกตง่าย ๆ ตาไม่มองตาเรา ยิ้มแห้ง ก้มมองพื้นเรื่อยเลย พอเดินออกไปแล้วพระเกรียวเลย ออกไปก็ไปหายตรงวิหารหลวงพ่อโต
วิหารหลวงพ่อโต เมื่อก่อนยังไม่ได้สร้าง เป็นศาลเทวดา ที่ต้นพิกุลโค่นเสร็จแล้วมาชวนแม่ชีสวดมนต์ ต้นสัตบรรณอยู่ตรงนี้ยาว 20 วา หลวงสมานวนกิจ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ มาที่นี่บอก"หลวงพ่อต้นนี้ อายุ 800 ปี" ยาว 20 วา อาตมาเห็นว่าต้นพิกุลโคนล้มไปแล้ว เทวดาหนีไปแล้ว เดี๋ยวเทวดาที่ต้นนี้หนีอีกก็จะโค่นทับโบสถ์พังหมด โบสถ์ไม่พังก็ลงกุฏิอาตมา ไม่กุฏิอาตมาก็หอประชุมพัง เลยก็ต้องโค่นเสีย โค่นเล้วเป็นยังไง โค่นแล้วชาวบ้านก็ขอไม้ไป มีเสียงไปร้องครางที่บ้านเขา ต้องเอาไม้มาคืน เป็นที่รู้ทั่วไปของบ้านนี้ เทวดาไปเที่ยวร้องเลยก็ต้องปลูกศาลไว้ให้ อันนี้เรื่องจริงที่มีมาแล้ว มาเดี๋ยวนี้ก็สร้างเป็นวิหารให้สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังสี ท่าพรมน้ำมนต์
ผลสุดท้าย พระก็วิ่งตามออกไป เปิดกุฏิดูหมดเลย แม่ชี แตกตื่นไปเปิดดูหมดก็ไม่มี ไม่มีกระเป๋า พระปริญญาตรี โทบอกหลวงพ่อรับกรรมฐานทำยังไง ผียังมา ผมมาอยู่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่เอาเหนือเอาใต้ ผมก็สู้ไม่ได้ ต้องแข่งกับผี เลยก็รับกรรมฐานปฏิบัติ พอพวกเชียงรายมาก็ทำต่อ

ต่อมาถึงวันที่นักศึกษามา วันที่ 21 ตุลาคม พอ 18นาฬิกา ไฟฟ้าดับหมดเลยที่อื่นไม่ดับ ดับที่วัดอัมพวันที่เดียว และตอนนั้นสุนัขในวัดนี้ไม่มีเลย ไม่รู้มาจากไหน หอนคืนยันรุ่งเลย อาตมาก็ให้พระเอาเทียนไปจุดตามห้องน้ำห้องส้วม ใช้เทียนไข เพราะไฟฟ้าไม่ติด ไม่รู้จะทำอย่างไร นักศึกษามาถึงดึกกว่ากำหนดการเสียงรถแป๊ด ๆ ๆ ๆ ตรงตามผีบอกเลย เราทายสู้ผีไม่ได้ เมื่อเข้ามาถึงก็บอกอาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยทานข้าว เขาบอก"หิวจังเลย"ถ้าหิวก็กินก่อนเอ้า !

เลยก็รับประทานอาหารก่อน เสร็จแล้วก็ปฐมนิเทศเพราะว่าพรุ่งนี้ ร.ต.ท. ชาญ มนูธรรมจะมา ตอนนั้นอธิบดีสมพรเทพสิทธา เป็นประธานสภายุวพุทธฯ มีคุณอำนวย อินทรภูติมีหลายท่าน พวกนั้นรู้หมด เขาจะมากัน พอดีตอนเช้ารับโทรเลขจากจังหวัดแจ้งความให้ทราบว่า ร.ต.ท.ชาญ มนูธรรม มาไม่ได้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ต้องไปช่วยราษฎร อธิบดีสมพร เทพสิทธาจึงเป็นประธานแทน

พอทานอาหารเสร็จ อาบน้ำเสร็จ อาตมาเรียกคณะอาจารย์มา มีอาจารย์สมเดช มุงเมือง และอาจารย์หญิงอีก 3 คน พระปริญญาโทก็อ่านบันทึกที่ได้บันทึกไว้ให้ฟัง คณะอาจารย์น้ำตาร่วงเลย จริงตามนี้ทุกประการ

อาจารย์สมเดชบอก" หลวงพ่อครับ พอเปิดอบรมแล้วผมขอฝากนักศึกษาไว้ ผมจะไปงานฌาปนกิจศพของวิโรจน์ในวันที่ 23 ตุลาคม 2526 เลยก็ให้เอาบันทึกไปพิมพ์แจกวันในงานศพ นั้นด้วย เรารู้เรื่องขึ้นมาทันทีเลย ไม่ใช่ว่าเขาเล่าให้ฟังก่อนแล้ว เราไปเล่าตามเขา มันก็เกิดมหัศจรรย์ขึ้นมาอย่างนี้

นี่แหละญาติโยมทั้งหลาย โปรดถามวิทยาลัยครูเชียงรายนี่อาตมาก็บอกเขาไปก่อน บอกไม่ตายตรงโน้นจะไปตายที่เขื่อนทำให้คณะอบรมมาอบรมไม่ได้ถ้ามาจมน้ำตาย เลยรถชนตายเสียมันสะดวกดี และเขาได้มาก่อนมาคอยอยู่ที่นี่ ก็มีประโยชน์ดี

เล่าเรื่องวิญญาณรายงานตัว เนื่องจากว่านายวิโรจน์ เขาได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว สติเขาจึงดี อาตมาก็ถามเขาที่เขามานี้ว่า "ปวดมากไหม" เขาบอกว่า หลวงพ่อ แวบเดียวผมไม่รู้เรื่องเลย และผมก็มายืนอยู่อย่างนี้แหละครับ และไปพูดกับเขา ๆ ก็ไม่พูดด้วย เขาไม่เห็น อย่าลืมนะคนละภพ คนละชาติอยู่ที่ไหนล่ะ อยู่ที่เรานี่แหละ ที่ว่าง ๆ นั่งกันเต็มหมดแหละจะรู้เหรอมันคนละภพ ไม่ใช่สวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดิน อาตมาตรวจแล้ว ขุดลงไปแล้วมีสัตว์ไส้เดือนกับกิ้งกือ และถ้าหากว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า เมื่อขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ อาตมาพยายามดูเมื่อไปเมืองจีน ดูทางหน้าต่าง ถ้าสวรรค์อยู่บนฟ้าเมื่อเครื่องบินจะตกก็เรื่องเล็ก เราก็อาศัยเทวดานอนสักคืนจะเป็นอะไรไปมันก็ไม่มีนี่ มันมองไม่เห็นนะ

เพราะฉะนั้น นรกสวรรค์ก็อยู่รวมกับพวกเรานี่แหละ เราไม่ทราบนะ ญาติโยมโปรดจำไว้ด้วย

การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนี่ ไม่เฉพาะแต่มนุษย์ผีก็เจริญได้ ยกตัวอย่าง แม่กาหลงมาเจริญกรรมฐานที่วัด เดี๋ยวนี้ยังอยู่ด้วยนะ เขานึกจากคำว่า"เปรต" เป็น"เทพ" ได้เป็น"เทพธิดา" ได้ทันที ไม่มีการปฏิสนธิ อยู่ที่วัดนี้

นี่เรื่องวิญญาณรายงานตัวทำให้มีพยานหลักฐาน อาตมามีรูปถ่ายดูด้วย ได้ผลเลย ได้สำเร็จญาณ 16 เลย ทำไมถึงรู้ว่าสำเร็จญาณ 16 เขาได้แสดงออกมาอย่างไร ญาติโยมจำไว้ให้ได้คนที่ได้โสฬสญาณ ญาณ 16 นี่ จะต้องเป็นรูปนี้เลย จะต้อง..กรรมฐาน ต้องได้จุดนี้
และไม่ใช่ว่ามนุษย์เราจะมาเจริญกรรมฐานเท่านั้น วิญญาณทั้งหลายก็มาเจริญกรรมฐานได้ เทพยดาเจ้าทั้งหลายก็มาเจริญกรรมฐานได้

บันทึก เพื่อให้เรื่องวิญญูาณรายงานตัว เป็นรายงานการค้นคว้าเรื่องวิญญาณที่สมบูรณ์ จึงนำจดหมายและบันทึกของบุคคลที่สัมผัสกับเหตุการณ์อันอัศจรรย์นี้มาประมวลไว้เป็นหลักฐาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม