ผี ขึ้นจากสระ
Labels:
เรื่องผี
"อนินทิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อมีเด็กขึ้นจากสระติดรถมาด้วย
เด็กผู้หญิงเล็กๆ วัยสัก 3-4 ขวบนั้น บางคนมักจะชอบเล่นกับ "เพื่อนสมมติ" ซึ่งเพื่อนของเธอคนนี้ไม่มีตัวตน แต่มีชีวิตชีวาอยู่ในจินตนาการของเธอคนเดียวแท้ๆ และเรื่องนี้ก็ทำให้ดิฉันถึงกับขนหัวลุกมาแล้วเมื่อสามปีก่อน
พิมพ์ลดาเป็นหลานสาวอายุ 4 ขวบของดิฉันเอง พ่อแม่ของเธอรวยจัดก็เลยส่งลูกสาวตัวน้อยเข้าโรงเรียนอนุบาล ที่คิดค่าเทอมแพงลิบลิ่วอย่าบอกใครเชียว ฟังแล้วแทบจะลมใส่ไปตามๆ กันเชียวค่ะ
ค่าเทอมเหยียบหลักแสน แถมยังมีกิจกรรมสารพัดที่ดูดเงินผู้ปกครอง ผู้ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้าคนอื่น...ทั้งละครโรงเรียน ทั้งเรียนพิเศษ เรียนบัลเลต์และว่ายน้ำ!
เผลอๆ ก็มีโฟโต้สตูดิโอดังๆ มาให้บริการถ่ายรูปชนิดวิลิศมาหราเอาไว้ติดฝาบ้าน รูปที่ถ่ายออกมาก็สวยอย่างน่าอัศจรรย์ ทว่าราคาค่ารูปนั้นมันช่างมหัศจรรย์ยิ่งกว่าค่ะเพราะล่อเข้าไปเป็นหมื่น
เฮ้อ! ดีนะที่ดิฉันครองตัวเป็นโสดสนิทมาจนอายุปาเข้าไปสี่สิบกว่าๆ แล้ว เรื่องจะมีลูกของตัวเองน่ะเป็นอันว่าเลิกคิดได้เลย ไม่งั้นป่านนี้คงจะปวดหัวไปกับลูกๆ เหมือนคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายสมัยนี้
ถึงไม่มีลูก ดิฉันก็มีหลายพิมเอาไว้รักใคร่เอ็นดู และแกก็ติดดิฉันมากที่สุดเสียด้วยซี เป็นเพราะว่าพ่อแม่มัวแต่บ้างาน เลยทิ้งยายพิมไว้ให้ดิฉันดูแล แกเป็นเด็กน่ารักมากสะสวย ช่างพูด มีงอแง อาละวาดบ้างเป็นครั้งเป็นคราวตามประสาเด็กน้อยธรรมดา
แต่ที่ดิฉันเป็นห่วงกังวลก็คือ น้องพิมไม่ค่อยมีเพื่อนหรอกค่ะ!
คุณครูรายงานให้ทราบว่า เวลาอยู่โรงเรียนน่ะเพื่อนๆ เขาเล่นกัน แกก็มักจะปลีกวิเวกไปเล่นชิงช้าคนเดียว จะว่าเพื่อนกลั่นแกล้งรังแกก็ไม่ใช่ เพื่อนๆ มาชวนน้องพิมเล่นด้วยเสมอ แต่เมื่อน้องพิมไม่อยากเล่น เพื่อนๆ ก็ไม่ว่าอะไร
ดิฉันเคยไปสังเกตดูตอนก่อนรับกลับบ้าน เห็นแกเดินชมนกชมไม้อยู่ลำพัง ตอนแรกก็ไม่รู้สึกมีสิ่งใดผิดปกติ ดูแกมีความสุขดี บางทีก็ยิ้มพยัก โบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ทางโน้น...ทว่าเมื่อมองไปนานๆ ก็เห็นว่าน้องพิมเดินไป คุยไป...คุยกับใครบางคนที่ไม่มีตัวตน...
บางจังหวะน้องพิมหยุดเดิน และทำท่าเหมือนฟังใครคนนั้นพูดด้วย!
ดิฉันชี้ให้คุณครูดู คุณครูบอกว่าเป็นปกติของเด็กวัยนี้ แต่ถ้าแกหมกมุ่นกับเพื่อนในจินตนาการจนเกินไป ก็น่าห่วงว่าจะมีปัญหาเช่นกัน
เอาละ! ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้แก้ไม่ยาก ไม้อ่อนดัดง่าย จริงไหมคะ? เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไงดี...แต่เล่าเรื่องก็กลับง่ายขึ้น เมื่อน้องพิมเองเป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ในบ่ายแก่ๆ ของวันนั้นเองค่ะ
เมื่อคุยกับคุณครูเสร็จ ดิฉันก็เรียกน้องพิมมาสวัสดีคุณครู จะได้กลับบ้านกัน น้องพิมหยิบกระเป๋าและเดินมาไหว้คุณครูอย่างว่าง่าย พอเดินห่างมาสักหน่อยก็กระซิบกระซาบกับดิฉันว่า เพื่อนของแกขอไปบ้านด้วยได้ไหม? ดิฉันบอกว่าได้ซิ เพื่อนคนไหนล่ะ? ต้องโทร.บอกคุณแม่ของเขาก่อนนะ!
น้องพิมหัวเราะเสียงใสบอกว่าไม่ต้องหรอก เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนพิเศษ ว่าแล้วแกก็ขึ้นรถทันที ส่วนดิฉันก็ประจำที่นั่งคนขับแล้วออกรถ
ตลอดทางน้องพิมอารมณ์ดี ร้องเพลงเสียงใส และหันไปมองที่เบาะหลังบ่อยๆ ดิฉันเลยถือโอกาสถามว่าเพื่อนคนนี้ชื่ออะไร? น้องพิมบอกว่าชื่อน้องฝ้าย
"น้องฝ้ายบอกว่าป้ามลใจดี" แน่ะ...เล่นบทเรียกคะแนนเชียว! ดิฉันไม่ขัดไม่ดุว่าแกเพ้อเจ้อ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆ ตะล่อม เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวกันทีละน้อย ทว่าดิฉันกลับเป็นฝ่ายถูกโน้มน้าวเสียเอง เมื่อน้องพิมพูดประโยคต่อมาว่า "น้องฝ้ายบอกว่าเมื่อกลางวันป้ามลทำแจกันแตก! น่าเสียดายจัง แจกันสวยด้วย...แต่ไม่เป็นไรนะคะ"
ดิฉันกระตุกเยือก! ดีนะคะที่รถติดไฟแดงอยู่น่ะ คำพูดของน้องพิมเล่นเอาลืมหายใจไปเลย...เรื่องที่แกพูดเป็นเรื่องจริงค่ะ!
เมื่อตอนเที่ยงกว่าๆ ดิฉันปัดแจกันบนโต๊ะทำงานตก แตกเป็นสองซีก กำลังคิดว่าจะหาซื้อกาวตราช้างมาติดท่าจะดี แต่น้องพิมรู้ได้ยังไงคะ? ตอนนั้นแกยังอยู่โรงเรียนและดิฉันก็อยู่บ้านคนเดียว...หรือว่านี่คือความบังเอิญ?
เสียงน้องพิมหัวเราะคิกคัก ก่อนจะทำให้ดิฉันผวาเป็นครั้งที่สอง
"ป้ามลผัดมะกะโรนีไส้กรอกให้หนูกินเหรอคะ น้องฝ้ายขอกินด้วยนะ"
ปกติดิฉันจะเตรียมของว่างพวกหมูปิ้ง ข้าวเหนียว หรือไก่ย่างของโปรดของน้องพิม หรือไม่ก็ขนมจีบ ซาลาเปา เผอิญเมื่อเช้าไปจ่ายกับข้าวเจอไส้กรอกเบค่อนก็เลยอยากทำให้หลานกิน น้องพิมรู้ได้ยังไง? บังเอิญเป็นครั้งที่สองหรือคะ?
ดิฉันขนลุก เย็นสันหลังวาบๆ เหลือบตามองกระจกหลังไม่รู้ตัว
พอกลับถึงบ้าน ดิฉันทำทุกอย่างตามปกติ ไม่ได้ชวนคุยถึงเพื่อนสมมติคนนั้นอีก จนกระทั่งน้องพิมกินมะกะโรนีหมดจาน ดิฉันก็เลยถามถึงน้องฝ้าย
"อ๋อ...เขากลับไปแล้วค่ะ" ดิฉันถามต่อว่าบ้านฝ้ายอยู่ไหน? "ฝ้ายไม่ได้อยู่บ้านหรอกค่ะ เขาอยู่ที่สระว่ายน้ำโรงเรียนไงคะ เขากลับไปที่นั่น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกันอีก"
วันต่อมา ดิฉันแอบถามแม่บ้านของโรงเรียนว่า ที่สระว่ายน้ำน่ะเคยมีเด็กจมน้ำตายไหม? แม่บ้านทำหน้างงๆ บอกว่าไม่รู้จริงๆ โรงเรียนนี้แต่เดิมเป็นบ้านของเจ้าของปลูกสร้างมา 40 ปีแล้ว สระว่ายน้ำเพิ่งมีเมื่อ 10 ปีมานี้เอง ไม่เคยได้ยินว่ามีใครตายที่นี่
แหม! ใครจะบอกล่ะคะ เรื่องแบบนี้ ดิฉันก็ถามไปเรื่อย...
อย่างไรก็ตาม ดิฉันหนาวๆ ร้อนๆ กับน้องฝ้าย-เพื่อนในจินตนาการของน้องพิมมาจนน้องพิมจบอนุบาล 3 ย้ายมาเข้าโรงเรียนประถมที่เลิศหรูพอๆ กัน แล้วเรื่องของน้องฝ้ายก็เงียบไปเอง เช่นเดียวกับเพื่อนอีกหลายๆ คน...
เพื่อนที่มีตัวตนนะคะ ซึ่งเมื่อเด็กย้ายที่เรียน เพื่อนเหล่านั้นก็กลายเป็นเพื่อนเก่า...ดิฉันคิดว่าน้องฝ้ายก็คงจะเป็นทำนองนั้น แต่นึกถึงแล้วขนลุกทุกทีค่ะ!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม
-
เมื่อปี พ.ศ.2549 ช่วงเดือนสิงหาคม ผมได้ไปเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ที่อ่าวมะนาว โดยไปกับเพื่อนๆ รวมผมด้วยเป็น 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน...
-
"ศิษย์อาจารย์ใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณผู้ห่วงใย ดิฉันมีอาชีพรับราชการ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะ...
-
"หมวยเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกมีคนไปเผาต้นโพธิ์ในซอย เมื่อปีกลายนี้ครอบครัวหนูย้ายจากเจริญพาสน์ไปอยู่บางยี่เรือ เพราะใกล้ที่ท...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น