ป้ายกำกับ

ผู้ชายท้ายรถ

"กระต่าย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากก้นซอยที่บางแค

บ้านดิฉันอยู่แถวบางแคค่ะ ในชุมชนที่แม้จะเป็นชานเมืองก็ไม่ถึงกับเปล่าเปลี่ยวนัก แต่ต้องยอมรับว่า ยิ่งเจริญมากเท่าไหร่ อันตรายจากโจรผู้ร้ายก็ยิ่งมากมายขึ้นเท่านั้น คิดว่าท่านผู้อ่านย่อมทราบดีอยู่แล้ว

ซอยบ้านดิฉันอาจจะน่ากลัวอยู่บ้าง คือบ้านค่อนข้างจะเข้าไปลึก นอกจากเลี้ยวลดคดเคี้ยวแล้วยังมีซอยแยกออกไปมากมาย เราไม่รู้หรอกค่ะว่าจะมีอันตรายมาซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง? มากน้อยขนาดไหน?

อันตรายที่พูดถึงมีมาสารพัดรูปแบบละค่ะ! ทั้งรถที่แล่นเร็ว ไม่ค่อยยอมชะลอดูซ้ายดูขวา ไหนจะพวกติดยา พวกตัดช่องย่องเบา พวกผู้ร้ายที่คอยดักปล้นจี้!

จริงอยู่ที่ไม่มีให้เห็นบ่อย แต่ก็เคยมีคดีนานทีปีละ 3-4 หน ส่วนมากจะร้ายๆ ทั้งนั้น

สิ่งที่ดิฉันกลัวคือ เมื่อใดที่เราประมาท เผลอตัว เราอาจกลายเป็นเหยื่อได้ งานดิฉันก็ต้องเสี่ยงเสียด้วยซิคะ คือว่าทุกๆ วันแต่เช้า ดิฉันจะไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านหลังหนึ่ง อยู่ห่างไปราว 300 เมตร แต่แหม...จากบ้านดิฉันน่ะมันหลายเลี้ยวเชียวละค่ะ บอกตรงๆ ว่ากลัว

ดิฉันไม่ค่อยกล้าเดินไปคนเดียวหรอก สามีต้องขี่จักรยานไปส่ง ตอนค่ำๆ ราว 2 ทุ่มสามีก็ขี่จักรยานไปรับ ค่อยยังชั่วหน่อย


เรื่องสยองขวัญของดิฉัน

มีอยู่วันหนึ่ง เรา-คือดิฉันกับสามีขี่จักรยานผ่านรถเก๋งยี่ห้อดีคันหนึ่งไปพร้อมกับเกิด ความสงสัยตงิดๆ เพราะรถนั้นมาจอดอยู่ตรงช่วงที่ไม่มีบ้านคน เป็นที่ดินว่างเปล่า มีแต่พงหญ้ารกและต้นไม้ครึ้ม สงสัยรถคงจะเสีย...รอตามช่างมาแก้ละมั้ง?

ดูซิ...ป้ายแดงเสียด้วย ไม่ยักมีคนเฝ้า เดี๋ยวก็หายจ้อยหรอก

ตกค่ำ สามีไปรับดิฉันซ้อนท้ายจักรยานมา รถคันงามนั้นก็ยังจอดอยู่ตามเดิม คราวนี้เห็นผู้ชายวัยกลางคน สูง ผอม แต่มีพุงกลมๆ ใส่เชิ้ตผูกไทยืนอยู่ตรงท้ายรถ...ดิฉันเห็นหน้าเขาถนัดเพราะแสงไฟจากถนน สว่างพอ

เมื่อกลับถึงบ้าน ดิฉันบอกสามีว่าเราน่าจะถามเขาเสียหน่อย ว่าจะให้ช่วยอะไรไหม...สามีกลับย้อนว่า จะถามใคร? ดิฉันตอบว่า อ้าว! ก็คนที่ยืนอยู่ท้ายรถคันนั้นไง! สามีกลับบอกว่าไม่เห็นใครเลย

ตอนนั้นไม่ได้ติดใจสงสัยหรอกค่ะ อาจเป็นไปได้ว่าสามีคงปั่นจักรยานเพลิน ไม่ได้มองเลยไม่ทันเห็น

รุ่งขึ้นอีกวัน รถก็ยังไม่ขยับไปไหน มันชักน่าแปลกขึ้นทุกที และตอนค่ำพอขี่รถผ่านดิฉันก็เห็นเขาอีก ดิฉันน่าจะสะกิดบอกสามี แต่คิดช้าไปหน่อย...พอกลับถึงบ้านก็เสียใจอีกว่า เราอยากช่วยเขาแต่ทำไมปากหนักนะ? เขาคงไม่ใช่ผู้ร้ายอะไรหรอก

แหม! เราก็คนจน นุ่งผ้าถุง แต่งตัวปอนๆ เขาคงไม่หลอกดักจี้เราแน่...แต่คืนนี้ก็เป็นอีกคืนแล้วนะที่สามีไม่เห็นเขา คนนั้น!

เช้าต่อมารถยังอยู่ที่เดิม เราไม่เห็นใครจริงๆ ดิฉันบอกสามีว่า ถ้าคืนนี้รถยังอยู่และชายคนนั้นยืนเฝ้ารถ เราจะลงไปถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

คืนนั้นฝนตกค่ะ ค่อนข้างแรงด้วย พอฝนซาสามีก็กางร่มขี่จักรยานมารับ...เมื่อผ่านรถคันนั้น ชายลึกลับก็ยืนอยู่เป็นคืนที่สาม ดิฉันตบแขนสามีเบาๆ บอกให้เขาดู คราวนี้เขามองเห็นค่ะ ชะลอรถจนเกือบนิ่ง แต่แล้วก็สะดุ้งก่อนจะปั่นจักรยานอย่างเร็วออกจากที่นั่นทันที ดิฉันถามว่าอะไรกันแน่? เขาก็ดุว่า...อย่าพูด!

พอกลับถึงบ้านเขาถามว่า ไม่สังเกตเหรอว่าฝนยังตกพรำๆ แต่ชายนั้นไม่เปียกฝนสักนิด เสื้อเชิ้ตสีฟ้าของเขาไม่ปรากฏด่างดวงของหยาดฝนเลยแม้แต่หยดเดียว

ดิฉันขนลุก จำได้ติดตาถึงแววตา สีหน้าน่าสงสารนั้น พอดีสามีถามว่าตอนที่จักรยานของเราผ่านมาน่ะ ไม่ได้กลิ่นอะไรเหรอ?

เออจริง! ดิฉันได้กลิ่นคล้ายปลาเค็มเน่าๆ พิกลๆ ความจริงกลิ่นนี้โชยมาตั้งแต่คืนก่อนแล้ว คืนนี้กลิ่นยิ่งแรงขึ้น

เอาละซิ! ดิฉันไม่อยากคิดว่าเราถูกผีหลอก!

รุ่งเช้า เมื่อผ่านที่รถจอดก็เห็นคนมามุงดู มีพวกมูลนิธิมาด้วยและตำรวจหนุ่มๆ อีกสองคน เขามองท้ายรถแต่ไม่เห็นเขาเปิด เราแวะเข้าไปเล่าให้ฟัง...เขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ถามว่ามีผู้ชายมายืนทุกคืนเลยเหรอ?

ดิฉันเลยต้องรอตำรวจอีกชุดหนึ่งมาจัดการเปิดรถ เพราะตำรวจสองคนแรกบอกว่าไม่กล้าเปิดท้ายรถดู เพราะถึงจะได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่น่ากลัว ทว่า ถ้าขืนเปิดสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เราสงสัย เจ้าของรถอาจจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้

ไม่เกินชั่วโมง ตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ก็มาถึง แล้วช่วยกันงัดกระโปรงท้ายรถขึ้นจนสำเร็จ

ใช่แล้วค่ะ...กลิ่นมรณะฟุ้งจนพวกเราสำลัก บางคนกลับหันไปอาเจียน

มีร่างชายคนหนึ่งนอนตาย ขึ้นอืดอยู่ในนั้น เขาถูกตีศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์คงสิ้นชีวิตทันทีเลยละ แล้วฆาตกรก็ซ่อนศพไว้

ทุกคนในที่นั้นหันมองดิฉันเป็นตาเดียว เล่นเอาใจหวิวๆ น้ำตาไหลพรากออกมาเอง เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นทุกคืนๆ ราวกับจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ อีกครั้ง

นี่ไง! คนที่มายืนอยู่ท้ายรถให้ดิฉันเห็นสามคืน...เชิ้ตสีฟ้าและใบหน้านี้แม้จะบวม พองก็ยังจำได้ ดวงตาที่ลืมค้างก็ใช่แน่...อุ๊ยตายจริง! สามีดิฉันเป็นลมไปแล้ว..

เราสองคนเป็นไข้ตัวร้อนจี๋ไปสามวัน!

จากวันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันขอนายจ้างเลิกงานก่อนเวลาสองชั่วโมง คือขอกลับบ้านก่อนตะวันตกดิน จะตัดเงินก็ยอม! ดิฉันต้องผ่านตรงนั้นนี่คะ ไม่มีทางอ้อมไปทางอื่น...กลัวเห็นเขาอีกน่ะค่ะ


คอลัมน์ ขนหัวลุก
โดย ใบหนาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม