คุณไสยกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค
Labels:
ธรรมะ
ตอนออกพรรษา หลวงพ่อสุ่นก็เรียกมาอบรมในการธุดงค์ บอกว่าถ้าจะให้ดีละก็ต้องออกธุดงค์กัน หลวงพ่อสุ่นสั่งหลวงพ่อปานว่า ให้เข้าป่าลึกเลยนะ แต่เวลาออกธุดงค์ท่านปล่อยเดี๋ยวเลย ท่านบอกว่าไม่ต้องกลัวหลงหรอก ถ้ากลัวหลงละให้นึกถึงฉัน บางครั้งท่านไม่รู้สึกว่าท่านจะไปทางไหน ท่านก็ทำใจให้สบาย ๆ นึกถึงหลวงพ่อสุ่น พอนึกเท่านั้นแหละ ท่านบอกเห็นหลวงพ่อสุ่นเดินนำหน้าไปเลย ถ้าถึงทางแยกหลวงพ่อสุ่นจะชี้ทางบอกแยกว่าไปทางโน้นทางนี้ เมื่อไปตามนั้นก็ได้ตามผลตามความประสงค์ นี่เล่าอย่างย่อ ๆ นะ
แต่ว่าวิธีการธุดงค์ของสมัยนั้นมันก็แปลก มีคนประเภทหนึ่งเขาชอบลองพระธุดงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านตะวันออกทางด้านนครนายก ปราจีนนี่น่ะสำคัญมาก แถวนั้นเขาเรียกว่ามีต้นมหาโพธิ์สำหรับพระไปไหว้ ไปตั้งใจกำหนดเอาพระพุทธเจ้าท่านทรงบรรลุที่ต้นมหาโพธิ์ต้นนี้ ถือเป็นเรื่องนึกกันขึ้นมา ไม่จริงจังหรอก แต่การนึกนี่เป็นการนึกดี นึกถึงพระพุทธเจ้า คิดว่าท่านบรรลุอภิเภกสัมมาสัมโพธิ์ญาณตรงนี้ ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ทีนี้บรรดาพระทั้งหลายก็นิยมกันว่าต้องไปที่ปราจีนบุรี ไปใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ดินแดนตะวันออกแดนหนึ่ง ของทางภาคอิสาน มีหมอไสยศาสตร์ ชอบลองพระ ใช้ยาเบื่อ ยาสั่ง ลองพระบ้าง ทำคุณไสยด้วยอำนาจจิตบ้าง เอาของเข้าท้อง อันนี้หลวงพ่อปานก็เคยโดนมา
ท่านบอกว่าวันหนึ่งมีผู้ชาย ๒ คน แต่งตัวเรียบร้อย เอาต้มยำมีหัวกะพุงปลา เอามาถวายตอนเข้า ทำ ต้มยำและข้าวมาถวาย ๑ โถ ข้าวขาวจ๋อง คนอื่นก็เอามาถวายเหมือนกัน เพราะผ่านบ้านนี่ก็ต้องปักกลด ใกล้บ้าน แต่ไม่ใกล้กว่า ๑ กิโล แต่ข้าวไม่สวยอย่างนั้น กับข้าวก็ไม่สวยอย่างนั้น เมื่อท่านเห็นท่านรู้ตัวอยู่แล้ว หลวงพ่อสุ่นสั่งไว้ว่าออกธุดงค์ทุกครั้งจะกินข้าวต้องทำน้ำมนต์เสียก่อน อาหารดีไม่ดีมันจะไปโดนอย่างอื่นเข้า พอท่านเอาน้ำมนต์พรมปรากฏว่าเป็นหนามยาว ๆ ผูกไขว้กัน พอทำได้ขนาดนั้น ท่านเจ้าของตกใจทำหน้าซีดเลย
แล้วเขาก็แก้ว่าความจริงผมไม่ต้องการให้ท่านฉัน ผมพิสูจน์ดูว่าท่านจะมีดีไหม หากว่าท่านจะฉันผมก็จะบอกว่าไม่ให้ฉัน ท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านก็รู้ว่าเขาเกล้ง แล้วต่อมาเขานิมนต์ให้พักอยู่ ๓ วัน ท่านก็พัก ท่านบอกว่าอยากจะดูซิว่ามันจะทำยังไงต่อไปอีก
ตอนกลางคืนมันก็ทำมา ทำเป็นนกมาจับอยู่ที่ยอดกลดบ้าง ท่านก็หาไม้แหลมถือไม้เล็ก ๆ แทงขึ้นไป เสกไม้แทงไป นกตัวนั้นมันก็กลายเป็นหนัง ผืนใหญ่ เรียกว่าคืนนั้นทั้งคืนโดนกันแบบนี้แหละ เสียงปุปะปุปะไม่ได้หลับตลอดคืน เป็นอันว่าถูกพิสูจน์ตลอดคืน ต่อมาเมื่อถึงตอนเช้า ท่านก็เลยเอาไอ้หนังแผ่นนั้น หนัง ที่เขาทำนกนั่นแหละรองนั่ง มันอยากส่งมาให้นี่ ท่านว่าอย่างนั้น ฉันก็เลยเอารองนั่งเสียเลย แล้วเวลาฉันข้าว เจ้า ๒ คนนั่นก็มาอีกแหละ เอาของมาถวายอีก ตานี้ฉันเอาน้ำมนต์พรมไม่มีอะไร เป็นข้าวธรรมดาเป็นกับธรรมดา
แต่ว่าเวลาฉันข้าว หนังที่นั่งทับน่ะมันค่อย ๆ เล็กลงไปทีละหน่อย ๆ เล็กเข้ามา ๆ หนัง ทั้งตัวมันใหญ่ เล็กเข้ามาจนกระทั้งแค่เข่าฉัน พอดีกับตัว ฉันสังเกตไว้ พอมันพอดีกับที่นั่งคล้าย ๆ กับผ้ารองนั่ง ฉันก็เอาน้ำมนต์พรม เอาน้ำในขันน่ะนึกอธิษฐานพรม ว่าไอ้สิ่งนี้มันมีสภาพเป็นยังไงก็ขอให้สภาพเป็นไปตามเดิม อธิษฐานจิตแค่นี้คาถาอาคมทั้งหลายเหล่าใดก็ตามที่เขาทำมาขอใหสลายตัว แล้วก็เอาน้ำมนต์พรม พอพรมลงไปหนังมันก็ขึงไปใหญ่ตามเดิม อีตา ๒ คนหน้าเสีย เป็นอันว่าจบพิธีการกัน เรื่องธุดงค์ของท่านน่ะฉันเล่าให้ฟังเท่านี้แหละ เพราะนอกจากนั้นเรื่องธุดงค์ของท่านก็ผ่านมามากแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านปราจีนบุรีนี่ตัวเองฉันเองก็โดนมาสมัยออกธุดงค์ มีวันหนึ่งฉันเดินผ่านไปใกล้บ้าน ๓ คนกะเพื่อน เพื่อนกันน่ะที่เข้าป่า มันอยากน้ำเต็มทีนี่ก็แวะเข้าไปและเข้าไปในบ้านเขา ก็ปรากฏว่าพ่อแม่อยู่ข้างล่าง ลูกสาวเขาอยู่ข้างบน ฉันเดินผ่านไปใกล้บ้าน ๓ คนกะเพื่อน เพื่อนกันน่ะที่เข้าป่า มันอยากน้ำเต็มทีนี่ก็แวะเข้าไปและเข้าไปในบ้านเขา ก็ปรากฏว่าพ่อแม่อยู่ข้างล่าง ลูกสาวเขาอยู่ข้างบน ฉันขอน้ำเขากิน ร้องขอน้ำกิน เขาก็นิมนต์ขึ้นไปบนบ้าน แต่พ่อแม่ของเขาไม่ขึ้น อยู่แต่ลูกสาวอายุ ๑๕ - ๑๖ ประมาณนั้นนะ คนเดียว แม่ลูกสาวไปตักน้ำมา เอาขันน้ำวางลงไปในถาด
น้ำใสแจ๋ว เป็นน้ำบ่อ แล้วก็มีจอกลอยจอกเล็ก ๆ วางมาในถาด พอมาถึงเขาก็วางถาดน้ำลงข้างหน้า แล้วเขาก็จับจอกลอยลูกนั้นตักน้ำแล้วก็ดื่มกิน แล้วเอาจอกลอยวางลงในขัน เขาบอกว่าที่นี่มียาเบื่อยาเมามากนัก ต้องกินให้ดูก่อน ประเดี๋ยวจะหาว่าแกล้งฆ่าพระ เดี๋ยวท่านจะสงสัยไม่กล้าดื่มน้ำ แต่ความจริงฉันไม่รู้เรื่อง พอเขาดื่มให้ดูแล้วเขาก็เอาขันวางลงไปในน้ำ ฉันกำลังอยากนี่ ฉันก็หยิบซี ไม่ได้ดูอะไรละ ญาณเยิน ต่าง ๆ น่ะไม่ได้ใช้ โธ๋ คนที่ใช้ได้ไม่เผลอน่ะมีแต่พระพุทธเจ้าองค์เดี๋ยวนา ขนาดพระอรหันต์ ขั้นปฏิสัมภิทาญาณอย่างพระมหากัสสปก็เผลอ ไม่มีใครรู้แจ่มใส ไม่มีใครไม่เผลออะไรหรอกเผลอทั้งนั้น มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวที่จะรู้อะไรได้ทุกขณะจิต
พระอรหันต์น่ะไม่ไหวหรอกก็เผลอ ถ้าไม่ใช้ก็ไม่รู้อะไรกัน ยิ่งอย่างฉันด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ฉันไม่ได้เป็นกังหันกับเขานี่มันก็ยิ่งเผลอมากกว่าเขา ฉันหยิบขันน้ำลูกนั้นตักจะดื่ม แม่หนูน้อยตบมือฉาด ขันน้ำกระเด็ด ฉันแปลกใจถามว่าตบทำไมจ๊ะ เขาก็บอกว่า ท่านไม่ใช่พระบ้านนี้ใช่ไหม ใช่ฉันธุดงค์มาจากอยุธยา เธอว่ามิน่าเล่าถึงได้กินน้ำแบบนี้ ถามว่าทำไม แกเลยบอกว่าแถวนี้มียาเบื่อยาเมามาก วิธีการแบบนี้เป็นการฆ่าคนนะ นี่เขาเอายาพิษทาใต้ก้นขันแล้วเอาขันวางไว้ข้างนอก
เวลาตักน้ำจ้วงลงไปยาพิษยังไม่ลงไปในน้ำ น้ำในขันที่เขาดื่มน่ะมันยังไม่มีพิษ เวลาเอาจอกลอยวางลงไปในขัน ลงไปในน้ำ ยาพิษจะละลายตัว ถ้าท่านฉันจะตายทันที บอกว่าถ้าเป็นยาพิษก็ต้องตายที่นี่ ถ้ายาสั่งจะก็ต้องไปตายที่อื่น เขาสั่งให้กินอะไรตายก็ตายตามนั้น ฉันไม่รู้เรื่องเลย แล้วเธอก็ไปตักน้ำมาใหม่ ๑ ขัน บอกว่าคราวนี้ฉันได้ก็เป็นอันว่าบุญตัวของฉันนะ นี่ได้ครูบาอาจารย์ใหม่ เด็กคนนี้ฉันถือว่าเป็นครูฉัน เป็นผู้มีคุณกะฉันมาก ไม่ยังงั้นฉันก็เอวังกิ่มไปนานแล้ว นี่ว่ากันตามความของความเป็นจริงนะเรื่องการกระทำของพระที่ไปธุดงค์น่ะมันเป็นยังงี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เรื่องผี ที่ได้รับความนิยม
-
เมื่อปี พ.ศ.2549 ช่วงเดือนสิงหาคม ผมได้ไปเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ที่อ่าวมะนาว โดยไปกับเพื่อนๆ รวมผมด้วยเป็น 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน...
-
"ศิษย์อาจารย์ใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณผู้ห่วงใย ดิฉันมีอาชีพรับราชการ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะ...
-
"หมวยเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกมีคนไปเผาต้นโพธิ์ในซอย เมื่อปีกลายนี้ครอบครัวหนูย้ายจากเจริญพาสน์ไปอยู่บางยี่เรือ เพราะใกล้ที่ท...
ขายส่งกล้องวงจรปิด ถูกสุดในภาคตะวันออก 081-5691442
ตอบลบติดกล้องวงจรปิด เริ่มต้น 800 บาท กรุงเทพ ชลบุรี พัทยา ระยอง สัตหีบ
รับหน้าร้อน ติดแอร์เริ่มต้น 4,000 บาท 086-0891644
ล้างแอร์ 500 บาท ชลบุรี พัทยา ระยอง สัตหีบ
ติดตั้งระบบ CALL Center จาก SimCard